ทบ. ชี้ฉีดวัคซีนโควิด 'ทหารเสี่ยง-ทหารใหม่' กำลังพลทั่วไปลงทะเบียนเอง

ทบ. ชี้ฉีดวัคซีนโควิด 'ทหารเสี่ยง-ทหารใหม่' กำลังพลทั่วไปลงทะเบียนเอง

ทบ.แจงสถานการณ์ 'โควิด-19' ในกองทัพบก พบ กำลังพลติดเชื้อ แต่คุมได้ ระบุ ฉีดวัดซีนเฉพาะ 'กลุ่มทหารเสี่ยง-ทหารใหม่'  ส่วน 'กำลังพล' ทั่วไปลงทะเบียนเอง

2 ก.ค.2564 พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กรณีที่มีการแถลงผ่านสื่อ โดยอ้างถึงการติดเชื้อ โควิด-19 ในกองทัพ พร้อมตั้งคำถามเรื่องวัคซีนที่กองทัพได้รับจัดสรร รวมถึงขอให้หยุดกระบวนการตรวจเลือกทหาร เพื่อรอสถานการณ์ โควิด-19 นั้น กองทัพบกขอเรียนข้อเท็จจริงเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ดังนี้

1. กองทัพบกขอเรียนถึงความจำเป็นที่กำลังพลซึ่งปฏิบัติงานในพื้นที่เสี่ยงและด่านหน้า จะต้องได้รับการฉีดวัคซีน สืบเนื่องจากในสถานการณ์ โควิด-19 กองทัพบกได้รับมอบภารกิจในการสนับสนุนรัฐบาล และ ศบค. ในหลายมิติ ทั้งป้องกันการนำเข้าเชื้อจากนอกประเทศ โดยสนับสนุนศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง ด้วยการคัดกรองการผ่านเข้า - ออก ประเทศตามท่าอากาศยาน 
ส่วนภาคพื้นดินกองกำลังป้องกันชายแดนของกองทัพบก ทั้ง 7 กองกำลังทั่วประเทศ ได้จัดกำลังเข้าคัดกรอง ลาดตระเวน เฝ้าตรวจ สกัดกั้นการลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมายไม่ผ่านการคัดกรอง ด้วยมาตรการสกัดกั้นที่เข้มข้นและต่อเนื่องตั้งแต่มีการระบาด ปรากฏเป็นผลการจับกุมผู้ลักลอบเข้า – ออกประเทศโดยผิดกฎหมาย
 

อีกทั้ง ได้จัดกำลังสนับสนุนการตรวจกิจการกิจกรรมในพื้นที่ตอนใน นอกจากนั้น กองทัพบกได้ใช้บุคลากรทางการแพทย์ ทั้งหมดสนับสนุนงานด้านการป้องกันและรักษาพยาบาลผู้ติดเชื้อ ทั้งที่อยู่ในโรงพยาบาลในสังกัดกองทัพบกทั้ง 37 แห่ง และโรงพยาบาลสนามที่กองทัพบกจัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนจังหวัดต่าง ๆ รวมทั้งเมื่อเกิดการระบาดเป็นกลุ่มก้อน กองทัพบกยังได้สนับสนุนกำลังพลเข้าช่วยบริหารจัดการ ระงับยับยั้งการแพร่ระบาดไม่ให้ขยายวงกว้าง

ทั้งนี้ภารกิจข้างต้น จำเป็นอย่างยิ่งที่กองทัพบกจะต้องดูแลให้กำลังพลที่ปฏิบัติภารกิจในด่านหน้าและปฏิบัติภารกิจในพื้นที่เสี่ยงดังกล่าว จะต้องได้รับการฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ดำรงความแข็งแรงให้สามารถยืนหยัดในภารกิจได้อย่างปลอดภัย กองทัพบกจึงได้ขอรับการสนับสนุนวัคซีนผ่านกระทรวงกลาโหม ไปยังกรมควบคุมโรคเพื่อให้กับกำลังพลที่ต้องปฏิบัติภารกิจดังกล่าว ซึ่งเป็นไปในรูปแบบองค์กรทั่วไปที่สามารถขอรับการจัดสรรวัคซีนตามข้อกำหนดของรัฐบาลได้

2. สำหรับกำลังพลส่วนใหญ่และครอบครัวจะได้รับวัคซีนจากการลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่นหมอพร้อม และระบบการจัดการวัคซีนของแต่ละจังหวัดเช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป ซึ่งในปัจจุบันได้รับวัคซีนเป็นบางส่วนเท่านั้น

3. การที่มีการจัดทำบัญชีแผนการขอรับวัคซีนไว้ แผนดังกล่าวยังไม่ได้ดำเนินการใด ๆ ทั้งสิ้นเป็นเพียงเตรียมการ ทั้งนี้หน่วยทหารมีกำลังพลเป็นจำนวนมากจึงมีความจำเป็นที่จะต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้พร้อมปฏิบัติงานโดยเฉพาะในสถานการณ์วิกฤติ  ต้องมีการเตรียมแผนบริหารจัดการให้กำลังพลได้รับวัคซีน ตามลำดับความเร่งด่วนและตามเกณฑ์เสี่ยง การจัดการแผนดังกล่าวเพื่อเตรียมความพร้อมหากปริมาณวัคซีนในภาพรวมของประเทศมีเพียงพอและได้รับการจัดสรร จะได้ดำเนินการเองตามแผนที่เตรียมไว้ได้ทันทีและช่วยลดภาระงานสาธารณสุข

4. กรณีการจัดสรรวัคซีนที่ได้รับให้กับทหารกองประจำการ ขอเรียนว่า ทหารกองประจำการ ถือว่าเป็นประชาชนคนหนึ่งเช่นกันที่มีสิทธิ์ได้รับการฉีดวัคซีน ก่อนเข้ามาเป็นทหารบางคนอาจอยู่ในภาวะว่างงาน แต่เมื่อเข้ามาประจำการ ทำให้มีอาชีพและได้รับเงินค่าตอบแทนจากงบประมาณของทางราชการซึ่งมาจากภาษีของประชาชน ทำให้มีรายได้เพียงพอในการดำรงชีพอย่างไม่เดือดร้อน โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด การมีรายได้ที่มั่นคง อาจสามารถนำไปช่วยดูแลแบ่งเบาภาระของครอบครัวได้อีกทางหนึ่ง

กองทัพบกจึงได้เตรียมดำเนินการฉีดวัคซีนให้กับทหารใหม่ทุกคนที่เข้าประจำการในเดือน กรกฎาคม 2564 ซึ่งถือว่าเป็นมาตรการพิทักษ์พลที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในสถานการณ์ โควิด-19 เพราะทหารใหม่ คือประชาชนที่มาจากหลากพื้นที่ หลายอาชีพและอาจเสี่ยงต่อการแพร่กระจายเชื้อ การได้รับวัคซีนจะสร้างความมั่นใจในการเข้าประจำการ เป็นการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และกองทัพบกต้องการที่จะดูแลทหารกองประจำการที่ถือว่าเป็นบุคลากรอันมีค่าของกองทัพ ที่สำคัญกำลังพลส่วนนี้เมื่อปลอดภัย ได้รับการคัดกรองแล้ว ได้วัคซีนแล้ว ก็จะสามารถออกไปทำหน้าที่ช่วยเหลือคนอื่น ๆ ได้ต่อไป ตามที่กองทัพบกได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เช่น การบริจาคโลหิตในทุกครั้งที่มีปัญหาการขาดแคลน การช่วยอุดหนุนสร้างรายได้ให้ประชาชนในสถานการณ์โควิด ที่ปรากฎให้เห็น ในทุกภารกิจ

5. สำหรับการติดเชื้อในค่ายทหาร มีเกิดขึ้นบ้างเป็นจำนวนไม่มากและสามารถควบคุมได้ การติดเชื้อถือเป็นสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกชุมชน ทุกองค์กร เมื่อมีการติดเชื้อก็จะเข้าสู่กระบวนการป้องกันและรักษาตามมาตรฐานสาธารณสุข โดยใช้ศักยภาพของโรงพยาบาลในสังกัดกองทัพบก ในการรักษาพยาบาลกำลังพลและครอบครัว และควบคุมไม่ให้กระจายไปสู่ภายนอก  ทั้งนี้การติดเชื้อส่วนใหญ่มีสาเหตุจากการออกปฏิบัติหน้าที่ในสถานการณ์ โควิด-19 ในพื้นที่เสี่ยง และบางส่วนเกิดจากการสัมผัสจากครอบครัวกำลังพล อย่างไรก็ตามทหารมีโอกาสที่จะติดเชื้อได้เช่นเดียวกับประชาชนโดยทั่วไป
ขอเรียนยืนยันว่า ในสถานการณ์โควิด กองทัพบกตระหนักดีถึงความจำเป็นและข้อจำกัดรวมถึงผลกระทบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย ได้ทุ่มเททรัพยากรและศักยภาพที่มีในการช่วยเหลือสนับสนุนทุกภาคส่วน เพื่อคลี่คลายและบรรเทาผลกระทบให้กับประเทศและประชาชนกลับมาสู่วิถีปกติ ในวิกฤติหากทุกคนร่วมมือกัน เชื่อมั่นในการบริหารจัดการของ ศบค. และรัฐบาล สื่อสารกันอย่างตรงไปตรงมาด้วยข้อมูลที่เป็นความจริงและสร้างสรร  และเราจะผ่านพ้นสถานการณ์โรคอุบัติใหม่นี้ไปได้ในที่สุด