รฟม.ปรับแผนงานลดผลกระทบ หลังรัฐสั่งปิด 'แคมป์คนงาน'-หยุดก่อสร้าง

รฟม.ปรับแผนงานลดผลกระทบ หลังรัฐสั่งปิด 'แคมป์คนงาน'-หยุดก่อสร้าง

รฟม. เตรียมพร้อมปรับแผนงานรองรับสถานการณ์ ภายหลังมีประกาศสั่งปิด "แคมป์คนงาน" และสถานที่ก่อสร้าง

ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 25) ลงวันที่ 26 มิถุนายน 2564 ข้อ 2 การควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดในกลุ่มแรงงานก่อสร้างเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และประกาศของกรุงเทพมหานคร เรื่อง สั่งปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว (ฉบับที่ 34) ลงวันที่ 27 มิถุนายน 2564 ข้อ 2 ปิดสถานที่ก่อสร้าง ดัดแปลงหรือรื้อถอนอาคาร หรือพื้นที่ดำเนินการก่อสร้าง โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2564 จนถึง 27 กรกฎาคม 2564 หรือจนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น นั้น 

วันที่ 28 มิถุนายน 2564 นายกิตติกร ตันเปาว์ รองผู้ว่าการ (วิศวกรรมและก่อสร้าง) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ในฐานะผู้อำนวยการโครงการเปิดเผยว่า ในส่วนของโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าทั้ง 3 โครงการ ได้แก่

  1. โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย - มีนบุรี
  2. โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วง  แคราย - มีนบุรี
  3. โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว - สำโรง

ขณะนี้มีความคืบหน้างานโยธาเกือบร้อยละ 80 ปัจจุบันอยู่ในช่วงงานตกแต่ง งานสถาปัตย์และงานติดตั้งระบบไฟฟ้าเครื่องกล

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากภาครัฐมีมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดในกลุ่มแรงงานก่อสร้าง โดยสั่งปิด "แคมป์คนงานก่อสร้าง" และพื้นที่ก่อสร้างเป็นการชั่วคราว นั้น ทาง รฟม. ได้มอบหมายให้ที่ปรึกษาฯ กำชับผู้รับจ้างก่อสร้างทุกโครงการ ให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดและประกาศของภาครัฐในการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ในกลุ่มแรงงานก่อสร้างในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลอย่างเคร่งครัด พร้อมทั้งเร่งประเมินสถานการณ์และผลกระทบต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในภาพรวม รวมถึงดำเนินการปรับแผนงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และมีผลกระทบต่อระยะเวลาตามสัญญาให้น้อยที่สุด 

ทั้งนี้ รฟม. และทุกโครงการจะยังคงดำเนินมาตรการต่างๆ ให้มีความเข้มข้นและรัดกุม อย่างต่อเนื่อง รวมถึงให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามมาตรการของภาครัฐอย่างเคร่งครัด เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ตลอดจนเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนรวมและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 จะกลับสู่ภาวะปกติ