ศบค.มท.สั่งผู้ว่าฯ ยึด 3 มาตรการเข้มสกัด 'โควิด' ย้ำแผนเผชิญเหตุรับมือ 'คลัสเตอร์'

ศบค.มท.สั่งผู้ว่าฯ ยึด 3 มาตรการเข้มสกัด 'โควิด' ย้ำแผนเผชิญเหตุรับมือ 'คลัสเตอร์'

ศบค.มท.สั่งผู้ว่าฯ ทั้วประเทศยึด 3 มาตรการเข้มสกัด "โควิด" ระบาด ย้ำแผนเผชิญเหตุรับมือ "คลัสเตอร์" ในโรงงาน-สถานประกอบการ

วันที่ 23 มิ.. ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) เปิดเผยว่าตามที่ทุกจังหวัดได้รับทราบและถือปฏิบัติตามข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน .. 2548 (ฉบับที่ 24) ลงวันที่ 19 มิ..2564 เพื่อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมสามารถดำเนินไปได้ควบคู่กับการใช้มาตรการป้องกันและควบคุมโรค นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการและประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะประธานกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหารือกับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัด (ผอ.รมน.จังหวัด) ประสานการปฏิบัติกับหน่วยงานด้านความมั่นคง ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้

1.มาตรการด้านร้านอาหาร ให้วางมาตรการป้องกันและควบคุมโรค เพื่อให้ผู้ประกอบการจัดให้มีมาตรการคัดกรอง จัดระเบียบผู้เข้าใช้บริการ และการเว้นระยะห่าง จำกัดจำนวนผู้นั่งบริโภคในร้าน งดการรวมกลุ่มหรือจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ รวมทั้งห้ามการบริโภคเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้านตามข้อกำหนดหรือที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกำหนดอย่างเคร่งครัด ซึ่งเรื่องการดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร ให้เป็นไปตามข้อกำหนดที่กำหนดในแต่ละพื้นที่ รวมถึงตามที่คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดกำหนด

2.มาตรการด้านโรงงาน สถานประกอบการ และแรงงาน จัดเตรียมแผนเผชิญเหตุเพื่อเตรียมการกรณีเกิดการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อน(คลัสเตอร์) ในโรงงาน สถานประกอบการ หรือแคมป์คนงาน กรณีที่กำหนดควบคุมโรคโดยหลักการ bubble and seal ในพื้นที่ใด ให้ดำเนินการตามมาตรการสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด แล้ววางมาตรการเฝ้าระวังมิให้มีการลักลอบออกนอกพื้นที่ควบคุมอย่างเด็ดขาด

3.ดำเนินมาตรการด้านชายแดนและการลักลอบเข้าเมืองตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีเรื่องการควบคุมการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จากประเทศเพื่อนบ้าน แบ่งเป็นการปฏิบัติในพื้นที่ชายแดน ให้เข้มงวดควบคุมการลักลอบเข้าประเทศ โดยตั้งเครื่องกีดขวาง จัดให้มีการลาดตระเวนตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเฝ้าระวังและสกัดกั้นป้องกันมิให้มีการลักลอบเดินทางเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมายผ่านช่องทางธรรมชาติ บริเวณพื้นที่ชายแดน หากพบการลักลอบเข้าประเทศให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเข้มข้น

สำหรับการปฏิบัติในพื้นที่ตอนในให้ตั้งจุดตรวจ จุดสกัด และจุดคัดกรองโรคบุคคล และรถขนส่งสินค้าจากประเทศเพื่อนบ้านบนเส้นทางที่มีโอกาสจะมีการเดินทางลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ด้วยการคัดกรองบุคคลที่เดินทางเข้าเมืองตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข คัดกรองรถขนส่งสินค้า รวมทั้งให้ผู้บัญชาการเหตุการณ์ ประจำช่องทางผ่านแดนอย่างเข้มข้นตลอด 24 ชั่วโมงและการปฏิบัติในพื้นที่หมู่บ้าน ชุมชน ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน คณะกรรมการหมู่บ้าน ผู้นำชุมชน อาสาสมัครในพื้นที่ รวมทั้งขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ สำรวจ ตรวจสอบบุคคลที่เดินทางเข้ามาในหมู่บ้าน ชุมชน รวมทั้งบุคคลที่เคยอยู่ในหมู่บ้าน ชุมชน หากพบว่าเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงให้ดำเนินการตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข และกรณีพบการละเมิดให้พิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย

นอกจากนี้ หากพบแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายหรือมีข้อมูลเบาะแสขบวนการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายให้เจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด สำหรับประชาชนผู้พบเห็นการกระทำผิดกฎหมายให้แจ้งนายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

162441129239

162441130230