เลือกหุ้นเก็งกำไร โดยควรมีส่วนของหุ้นปันผลสูง-ปลอดภัยบางส่วน

เลือกหุ้นเก็งกำไร โดยควรมีส่วนของหุ้นปันผลสูง-ปลอดภัยบางส่วน

ตลาดหุ้นผันผวนหลังค่าเงินสหรัฐฯ อ่อนค่าลง

นักลงทุนจับตานายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดซึ่งจะแถลงต่อคณะอนุกรรมการว่าด้วยวิกฤตการณ์โควิด-19 ประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ คืนนี้เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ และการใช้นโยบายการเงินของเฟด ซึ่งรวมถึงการปล่อยเงินกู้ฉุกเฉิน เพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์โควิด-19 ซึ่งตลาดคาดว่าประธานเฟดจะแสดงความเห็นยืนยันการดำเนินมาตรการผ่อนคลายเพื่อลดความกังวลของนักลงทุน และสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เราคาดหุ้นเอเชียและไทยมีแนวโน้มฟื้นตัว อย่างไรก็ตามความกังวลเรื่องการไหลออกของเงินทุน จะเป็นปัจจัยที่ทำให้การฟื้นตัวในระยะสั้นอยู่ในกรอบจำกัด โดยภาพทางเทคนิค จะกลับมามีสัญญาณเชิงบวกปรับตัวขึ้นเหนือ 1,606 ขณะที่โมเมนตัมการเก็งกำไรระยะสั้นอาจเสียไปหากไม่สามรถยืนเหนือ 1,580 จุด ได้

หุ้นไทยเหมือนปี พ.ศ.2556 หรือ 2557 มากกว่ากัน? ในมุมของความน่าสนใจของการลงทุนในหุ้นเทียบพันธบัตร (Earnings yield gap: EYG) อยู่ในระดับต่ำหลังหุ้นขึ้นแรง ทำให้มีความเสี่ยงที่หุ้นไทยอาจจะปรับฐานได้ หากประมาณการกำไรบจ.ชะลอลง (ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังไม่มีสัญญาณ) ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 2556 อย่างไรก็ตามหากพิจารณาในมุมของผลตอบแทนพันธบัตร การเคลื่อนไหวของเส้นโค้งผลตอบแทน (Yield curve) ในปัจจุบัน มีความคล้ายคลึงสถานการณ์ในปี 2557 มากกว่าที่เกิด Yield curve flattening (ผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวลดลงมากกว่าพันธบัตรระยะสั้น) ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวเป็นบวกกับการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ทั้งนี้เรามองสถานการณ์ในปัจจุบันมีส่วนผสมทั้งสองช่วงเวลา ซึ่งหากไม่มีการปรับลดลงแรงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ เราประเมินการเคลื่อนไหวจะโน้มเอียงไปในลักษณะของปี 2557 ที่หุ้นมีโอกาสไทยแกว่งตัวขึ้น

ยังคาดหุ้นปันผลสูง-ปลอดภัย จะมีบทบาทกับตลาดมากขึ้น แม้มุมมองเศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่องจะยังเป็นบวกกับหุ้นในกลุ่มได้ประโยชน์จากเงินเฟ้อ (reflation) แต่ความผันผวนที่สูงขึ้นประกอบกับมุมมองเงินเฟ้ออาจจะสูงสุดแล้ว ทำให้เกิดการปรับลดน้ำหนักการลงทุนของหุ้นกลุ่มนี้ลง ขณะที่หุ้นในกลุ่มปันผลสูงและปลอดภัย คาดจะมีโอกาสฟื้นตัวเด่นมากขึ้นจาก 1) ยังคงมีการถือครองโดยนักลงทุนต่ำ (under-owned) 2) เงินปันผลที่สูงกว่าผลตอบแทนพันธบัตรมาก ทำให้ช่วยลดความผันผวนของผลตอบแทน 3) ยัง Laggard การเคลื่อนไหวของหุ้นโดยรวมนับจากโควิดเป็นต้นมา โดยเฉพาะ สื่อสาร, กองรีทส์ และกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน 4) หุ้นบางกลุ่ม ได้อานิสงค์จากประเด็นเปิดเมือง อาทิ กลุ่มการแพทย์

ธีมลงทุนอื่นที่น่าสนใจ 1) กลุ่มพลังงาน ปิโตรฯ PTT, PTTGC, IVL, IRPC 2) อาหารและเกษตร TVO, CPI, TU, CPF 3) ได้ประโยชน์จากเราชนะ TNP และ KK เนื่องจากเป็นร้านค้าธงฟ้า 4) การขายประกันโควิด บวกต่อ THRE, TIP, TQM 5) ปันผลและกองรีทส์ ADVANC, BTSGIF, CPNREIT, AIMIRT, FTREIT, EASTW, WHAUP, TTW, TIP 6) เก็งกำไรกลุ่มดิจิตัลทีวี BEC, WORK, MONO, JKN 7) หุ้นกลุ่มเหล็ก TSTH, GJS, AMC 8) กลุ่มโลจิติกส์ที่มีสัญญาณระยะสั้นเป็นบวก SONIC, NCL 9) หุ้นกลุ่มเรือ TTA, PSL, RCL

ภาพรวมกลยุทธ์ ฟื้นตัว..แต่ระยะสั้นยังผันผวน หาก SET Index ยังไม่สามารถยืนเหนือ 1606 หรือปรับตัวหลุด 1580 จุด จะกระทบกับจิติวทยาการเก็งกำไรระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ในภาพเชิงกลยุทธ์ เรายังมองสื่อสารและกองรีทส์ รวมถึงหุ้นปันผลสูง-ปลอดภัย น่าสนใจ ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนค่ายังเป็นปัจจัยหนุนการเก็งกำไรหุ้นกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์

// หุ้นแนะนำวันนี้ เก็งกำไร PTT, BDMS*, RATCH*, PM*

แนวรับ: 1,580-1,590/ แนวต้าน : 1,606-1,620 จุด สัดส่วน : เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%

ประเด็นการลงทุน

อเมริกัน แอร์ไลน์ ประกาศยกเลิกเที่ยวบิน 106 เที่ยว. หลังจากยกเลิกไปแล้ว 190 เที่ยววานนี้ และ 123 เที่ยวเมื่อวันเสาร์ โดยจำนวนนักเดินทางที่เพิ่มขึ้นอย่างมากหลังรัฐบาลเปิดเศรษฐกิจส่งผลให้เกิดเหตุพนักงานไม่เพียงพอในการรองรับอุปสงค์หลังก่อนหน้านี้ได้ทำการปลดพนักงานในช่วงที่อุตสาหกรรมการบินทรุดตัว

ราคาบิตคอยน์ร่วงแรงหลุด $32,000. หลังมีรายงานว่าธนาคารกลางจีนแจ้งให้ธนาคารพาณิชย์รวมถึงบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงินให้ระงับการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัล ทางด้าน Airplay แถลงว่าทางบริษัทจะระงับการให้บริการที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัลโดยทันที

ADVANC. อัดงบ 1 พันล้านบาทผนึกพันธมิตรกลุ่มโรงพยาบาล-ร้านขายยา เปิดกลยุทธ์ AIS Well-Being รุกธุรกิจสุขภาพและบริการครบวงจร ผ่าน Digital Platform พบหมอออนไลน์

RCL. เล็งซื้อเรือมือสอง-เรือใหม่เพิ่ม เพื่อรองรับความต้องการใช้เรือขนส่งที่สูง คาดไตรมาส 3/64 เตรียมรับเรือมือสองที่ซื้อไว้ 6 ลำ คาดออกให้บริการได้ในไตรมาส 4/64

ประเด็นติดตาม: - 23 มิ.ย.: Fed Chair Powell Testifies, EU Manufacturing PMI เดือน มิ.ย., US Manufacturing PMI เดือน มิ.ย., ประชุม กนง. / 24 มิ.ย.: BOE Meeting, US GDP 1Q21, US Initial Jobless Claims / 25 มิ.ย.: US PCE Price Index เดือน พ.ค.

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)