กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ (21 มิ.ย.64)

กลยุทธ์การลงทุนรายสัปดาห์ (21 มิ.ย.64)

21-25 มิถุนายน: เป็นลบมากขึ้นในระยะสั้น เน้นทยอยสะสม

ท่าทีที่เปลี่ยนไปของ ธ.กลางสหรัฐฯ ส่งผลให้หนทางไม่ราบรื่นเท่าเดิมในระยะสั้น

ในสัปดาห์ที่แล้ว (14-18 มิถุนายน) ดัชนี SET ขยับลดลงแบบ sideways down ซึ่งแย่กว่าที่เราคาดไว้ เนื่องจาก FOMC แสดงท่าทีค่อนข้าง hawkish ซึ่งทำให้ค่าเงินดอลลาร์ฯ แข็งขึ้นผิดคาด และเกิดกระแสเงินทุนไหลออกจากหุ้นในตลาด EM ภาวะตลาดที่เป็นลบจากท่าทีของ Fed มีน้ำหนักมากกว่าควา
คืบหน้าในการกระจายวัคซีนป้องกัน COVID-19 ในประเทศไทย และแผนล่าสุดของรัฐบาลไทยที่จะเปิดประเทศเต็มรูปแบบภายใน 120 วัน ในขณะเดียวกัน หุ้นกลุ่ม cyclical และ commodity ยังคงผันผวน ในขณะที่หุ้น domestic และ reopening ยังยืนได้ดี

สำหรับในสัปดาห์นี้ เราคาดว่าตลาดการเงินโลกจะยังคงเผชิญแรงกดดันในระยะสั้นจากท่าทีของ Fed ต่อไป ผู้เล่นในตลาดกำลังชั่งน้ำหนักความเป็นได้สองทาง ได้แก่ i) Fed จะเริ่มลดขนาด QE ลงใน 2H21 และ ii) Fed จะเริ่มลดขนาด QE ลงใน 1H65.... สำหรับในสัปดาห์นี้ ผู้บริหารของ Fed มีกำหนดจะขึ้นกล่าวปาฐกถาสองสามรายการ รวมถึงนาย Powell ประธาน Fed ซึ่งจะขึ้นกล่าวปาฐกถาให้คณะอนุกรรมการของสภาที่ดูแลวิกฤติ Coronavirus ในวันที่ 22 มิถุนายนด้วย โดยนักลงทุนในตลาดน่าจะจับตาดูการปาฐกถาในสัปดาห์นี้อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ตัวเลขเงินเฟ้อ core PCE ของสหรัฐที่จะประกาศออกมาในวันที่ 25 มิถุนายนน่าจะทำให้ตลาดการเงินยังคงกังวลกับภาวะเงินเฟ้อต่อไป ถึงแม้เราจะมองว่าแนวโน้มหลักของตลาดจะยังเป็นขาขึ้นอยู่ แต่ภาวะตลาดในระยะสั้นดูเปราะบางยิ่งขึ้นและมีแนวโน้มจะย่อตัวลง สำหรับปัจจัยภายในประเทศ เรามองบวกกับการเร่งกระจยวัคซีนให้ประชาชนจำนวนมาก และแผนการเปิดเมืองท่องเที่ยวเพิ่มเติม ซึ่งน่าจะทำให้หุ้นกลุ่ม domestic และ reopening ขยับขึ้นและ outperform ตลาดโดยรวม

ติดตามผลการประชุม กนง., ปาฐกถาจากผู้บริหารของ Fed และตัวเลขเงินเฟ้อ core PCE ของสหรัฐ

(0) การประชุม กนง. วันที่ 23 มิถุนายน นักเศรษฐศาสตร์ของเราคาดว่า กนง. จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเอาไว้ที่ 0.5% ในขณะที่คาดว่า กนง. จะปรับลดประมาณการ GDP ปี 2564 ลงจากประมาณการปัจจุบันที่ 3.0% (เมื่อเดือนมีนาคม 2564 ก่อนเกิดวิกฤติ COVID-19 รอบล่าสุด)

(0/-) ในสัปดาห์นี้มีกำหนดปาฐกถาที่สำคัญของผู้บริหาร Fed สองสามรายการ ในวันนี้ นาย JamesBullard ผู้ว่า Fed สาขา St.Louis กำหนดจะขึ้นกล่าวปาฐกถา ซึ่งเขาเป็นผู้ที่ทำให้ตลาดเกิด correction เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาจากการเสนอให้สหรัฐขึ้นดอกเบี้ยในปลายปี 2565 นอกจากนี้ ในวันที่ 22 มิถุนายน
นาย Powell ประธาน Fed มีกำหนดขึ้นกล่าวปาฐกถา ซึ่งตลาดการเงินทั่วโลกจับตาดูอย่างใกล้ชิด

(0/-) ตัวเลขเงินเฟ้อ core PCE ของสหรัฐ ในวันที่ 25 มิถุนายน จะมีการเผยแพร่ตัวเลขเงินเฟ้อ core CPE ของสหรัฐ ซึ่งเป็นดัชนีที่ Fed เลือกใช้ในการวัดระดับเงินเฟ้อ โดย Consensus คาดว่า core PCE เดือนพฤษภาคมจะเพิ่มขึ้น 3.4% YoY จาก 3.1% YoY ในเดือนเมษายน อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไป
ได้สูงที่เงินเฟ้อสหรัฐจะกำลังเข้าสู่จุดสูงสุด และจะทยอยปรับลดลงในระยะต่อไป

แนะนำให้ซื้อสะสม... ในช่วงที่ตลาดการเงินและตลาดหุ้นผันผวนในระยะสั้น

ความกังวลว่า Fed จะลดขนาด QE เร็วกว่าที่คาดไว้ทำให้หนทางข้างหน้าดูมีความผันผวนมากขึ้นแต่เรายังคงมองว่าแนวโน้มหลักของตลาดยังคงเป็นขาขึ้นอยู่ จากความคืบหน้าในการกระจายวัคซีนป้องกัน COVID-19 ในประเทศไทย, การกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง และแนวโน้มการฟื้นตัวของ GDP ในปี 2565 เรายังคงเป้าดัชนีปี 2564 เอาไว้เท่าเดิมที่ 1,770 จุด อิงจาก fwd P/E ที่ 19.3x และ EPS กลางปี 2565F ที่ 92.0 ในขณะเดียวกัน เราประเมินเป้าดัชนีในกรณีเลวร้ายที่สุดไว้ที่ 1,690 จุด อิงจาก fwd PE ที่ 18.4x โดยให้ discount 10% จากการคำนวณตาม full quant model ของเรา ทั้งนี้ เรายังคงเลือกหุ้นในธีมการท่องเที่ยว และ reopening เป็นกลุ่มหลักใน 3Q64 ซึ่งได้แก่ KBANK*, AOT*, CPALL*, MINT*, BEM*, MAJOR* และ SPA