'อดีตส.ส.ร.50' มอง แก้ระบบเลือกตั้ง60 ปัจจัยหนุน 'ธรรมนัส' ดูดส.ส.-ฮุบพื้นที่เลือกตั้ง

'อดีตส.ส.ร.50' มอง แก้ระบบเลือกตั้ง60  ปัจจัยหนุน  'ธรรมนัส' ดูดส.ส.-ฮุบพื้นที่เลือกตั้ง

คมสัน โพธิ์คง หนุนแก้ระบบเลือกตั้ง พร้อมประเมินหากแก้สำเร็จ เขตเลือกตั้งมีบทบาทสูง มอง "พปชร." เลือกใช้ "ธรรนัส" เพราะหวังใช้พลังดูด

       นายคมสัน โพธิ์คง  นักวิชาการด้านนิติศาสตร์ ฐานะอดีตกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ และ สภาร่างรัฐธรรมนูญ ปี 2550  กล่าวต่อกรณีที่รัฐสภา จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ว่าด้วยระบบเลือกตั้ง จากระบบจัดสรรปันส่วนผสม ด้วยบัตรเลือกตั้งใบเดียว ไปเป็นการเลือกตั้งด้วยบัตรเลือกตั้ง2 ใบ มีส.ส.เขต 400 คนและบัญชีรายชื่อ 100 คน ว่า ตนเห็นนด้วยที่จะแก้ไข เพราะระบบเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ ปี 2560 มีปัญหามากพอสมควร และส่งผลต่อคุณภาพของการเมือง รวมถึงพรรคการเมือง เพราะการออกแบบให้ใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว คือการบังคับให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเลือก ขาดความอิสรในการตัดสินใจ ขณะที่การคำนวณคะแนนไม่มีฐานกำหนดและเปิดโอกาสให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ใช้ดุลยพินิจ ทำให้มีปัญหาการจัดสรรคะแนนให้กับพรรคเล็ก พรรคน้อย ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพของพรรคการเมืองในสภา
       “การปรับใช้ระบบเลือกตั้งแบบรัฐธรรมนูญ ปี 2540 หรือจะใช้แบบรัฐธรรมนูญ 2550 มีข้อดีและข้อเสีย ซึ่งควรพิจารณารายละเอียดให้รอบด้าน แต่เท่าที่ดูเนื้อหาของญัตติที่แก้ไข ที่กำหนดให้การคำนวณหาส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ใช้คะแนนทั้งประเทศและกำหนดฐานคะแนน 1% ถือว่าดีเพราะจะทำให้พรรคเล็กมีสัดส่วนในสภาฯ ไม่เพิ่มโบนัสให้พรรคการเมืองที่ชนะเขตเลือกตั้งมากเกินไป เหมือนระบบของรัฐธรรมนูญ ปี 2540” นายคมสัน กล่าว
       นายคมสัน กล่าวด้วยว่าการปรับระบบเลือกตั้ง ตนมองว่าจะมี 2 พรรคที่ได้เปรียบ คือ พรรคพลังประชารัฐ และ พรรคเพื่อไทย  และ 2 พรรคดังกล่าวจะเป็นคู่แข่งในพื้นที่ เพราะระบบเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2540 นั้น ให้ความสำคัญกับระบบเขตเลือกตั้งมากกว่าบัญชีรายชื่อ ดังนั้นเมื่อฐานคะแนนในพื้นที่เข้มแข็ง จะสร้างความได้เปรียบ ส่วนพรรคอื่นๆ เช่น พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคก้าวไกลเป็นเพียงพรรคตัวแปรเท่านั้น ขณะที่พรรคขนาดเล็กที่ได้ ส.ส. เพียง  1 คน เชื่อว่าจะไม่ได้ส.ส.เข้าสภาฯ  
       นายคมสัน กล่าวด้วยว่าสำหรับการปรับโครงสร้างภายในพรรค ที่ให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และรมช.เกษตรและสหกรณ์ เป็นเลขาธิการพรรค เพื่อเตรียมการเลือกตั้งสมัยหน้า เพราะด้วยบุคลิกและการทำงานของ ร.อ.ธรรมนัส เข้าลักษณะใจถึง พึ่งได้ และสามารถจัดการปัญหาให้ชาวบ้านที่เดือดร้อนได้  เห็นได้ชัดจากการที่รัฐบาลมักส่งร.อ.ธรรมนัส เป็นตัวแทนเข้าเจรจาและแก้ปัญหาของกลุ่มชาวบ้านที่เรียกร้อง ดังนั้นในการเลือกตั้งรอบหน้าที่บทบาทจะอยู่ที่เขตเลือกตั้ง การได้บุคคลที่ดูแลการเลือกตั้งที่มีอิทธิพลหรือบารมีในพื้นที่จึงสำคัญ

       “สิ่งที่พรรคพลังประชารัฐเลือกใช้ ร.อ.ธรรมนัส แม้จะเป็นผู้มีประวัติที่ถูกตรวจสอบ ผมมองว่าต้องการหวังพลังดูดของร.อ.ธรรมนัส เพื่อช่วยให้พรรคได้ส.ส.เข้าสภาฯ ให้มากในสมัยหน้า ซึ่งข่าวที่ปรากฎขณะนี้ พบว่า ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน บางส่วน 10 -20 คน ถูกทาบทามและดึงให้เข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ โดยข้อเท็จจริงปรากฎจากการลงคะแนนเสียงในสภาฯ ที่พบว่าส.ส.ฝ่ายค้านลงมติสนับสนุนรัฐบาล หรือ บางคนงดออกเสียง ไม่ลงคะแนน หรือไม่ปรากฎตัวในที่ประชุมได้” นายคมสัน กล่าว.