"ภูมิธรรม"ยันเพื่อไทนหนุนบัตร2ใบ-ชี้เป็นประชาธิปไตยมากสุด

"ภูมิธรรม"ยันเพื่อไทนหนุนบัตร2ใบ-ชี้เป็นประชาธิปไตยมากสุด

"ภูมิธรรม"ยันเพื่อไทนหนุนบัตร2ใบ-ชี้เป็นประชาธิปไตยมากสุด อ้างแก้รายมาตรามีโอกาสมากกว่ารื้อทั้งฉบับ

นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาผู้นำฝ่ายค้าน โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า ทำไมต้องเสนอแก้ไข รธน.ทั้งฉบับควบคู่กับการเสนอแก้เป็นรายมาตรา เป็นที่ประจักษ์ชัดกันอยู่แล้วว่า รธน. ปี 60 ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบันก่อให้เกิดปัญหามากมาย และ ถูกวางกลไกให้ยากต่อการแก้ไข

การเสนอแก้ไขรธน. ทั้งฉบับเป็นการยืนยันนโยบายและจุดยืนเดิมของพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้าน ซึ่งเห็นว่าการแก้ไข รธน.ทั้งฉบับเป็นสิ่งที่จำเป็น ผ่าน ส.ส.ร. เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมได้อย่างเต็มที่ นี่คือหลักการพื้นฐานที่ถูกต้อง และ ควรผลักดันให้เกิดขึ้นโดยเร็ว

แต่สถานการณ์ทางการเมืองในวันนี้ ไม่มีหลักประกันใด ๆ เลยว่าการแก้รธน.ทั้งฉบับ หรือการมี ส.ส.ร.จะเกิดขึ้นได้เมื่อไรหรือจะเกิดเกิดขึ้นหรือไม่ การทำการเมืองที่ส่งเสริมระบอบประชาธิปไตย ให้เข้มแข็ง ต้องยึดหลักการและอุดมการณ์ประชาธิปไตยอย่างมั่นคง แต่ที่สำคัญ ต้องเข้าใจ วิธีการจัดการ ที่สอดรับกับความเป็นจริงและเคารพความเห็นต่างของทุกฝ่าย แสวงหาความร่วมมือกับทุกคน

ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจึงเห็นความจำเป็นในการเสนอแก้ไขร่าง รธน.รายมาตรา ให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนในบางด้านเช่น เรื่องการเพิ่มสิทธิเสรีภาพ ให้มากขึ้นหรือ การยืนยันเพิ่มสิทธิการประกันตัวของผู้ถูกกล่าวหาให้ได้ รับการคุ้มครอง ในคดีอาญาใดๆ รวมทั้ง การแก้ไข ในบางประเด็นให้มีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น จึงเป็นเรื่องที่สมควรทำควบคู่ไปกับการเสนอแก้ไขทั้งฉบับ

โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับระบบการเลือกตั้ง ซึ่งควรต้องกลับไปใช้กระบวนการที่สะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนให้ได้มากที่สุด เช่น การเลือกตั้งโดยใช้บัตร 2 ใบ เพื่อให้ประชาชน “เลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ใช่” ตามแบบ รธน.ปี 40 ซึ่งเป็นที่ยอมรับโดยทั่วกันว่าเป็น รธน.ที่มีความเป็นประชาธิปไตยมากที่สุด

"ผมคิดว่าการเสนอแก้ไข รธน.ทั้งฉบับควบคู่กับการเสนอแก้เป็นรายมาตราไม่น่าจะเกิดความเสียหายใดๆ ในทางตรงข้ามกลับ น่าจะเกิดผลดีมากกว่า เพราะหากเกิดมีอุบัติเหตุทางการเมือง และเกิดการเลือกตั้งขึ้นกะทันหัน อย่างน้อยที่สุด เราอาจได้กติกาบางเรื่องที่ดีและมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น"

แต่ถ้าไม่แก้รายมาตราเลย หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้น เราก็จะต้องกลับเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง ตามกติกาเดิมที่ "คสช." กำหนดขึ้น...เหมือนการเลือกตั้งครั้งล่าสุด

"ผมจึงไม่เห็นว่าการทำ 2 อย่างควบคู่กันไป จะก่อผลเสียหายใดๆมากมาย..แล้วทำไมเราจะไม่ทำทุกอย่างให้ดีขึ้น เราควรทำทุกช่องทางที่จะเกิดประโยชน์"

ที่สำคัญที่สุดคือการสื่อสารให้ประชาชนร่วมรับรู้ เพื่อร่วมเข้าช่วยกันผลักดันให้เกิดการแก้ไขเปลี่ยนแปลง รธน.ปี 60 ไม่ว่าจะเป็นการแก้ไขทั้งฉบับ หรือ รายมาตรา ในอันที่จะกดดันให้รัฐ (เผด็จการแฝงรูป) ต้องเร่งดำเนินการโดยไม่บิดพลิ้ว