การเงิน

โบรกคาดบัตรเครดิต-สินเชื่อส่วนบุคคลเสี่ยงถูกลดดอกเบี้ยมากสุด

16 มิ.ย. 2021 เวลา 7:00 น.
โบรกคาดบัตรเครดิต-สินเชื่อส่วนบุคคลเสี่ยงถูกลดดอกเบี้ยมากสุด

 "แบงก์-นอนแบงก์"ราคาหุ้นร่วง ผวา นายกฯออกโรง สั่งคลัง-ธปท.ลดเพดานดอกเบี้ย หวังช่วยประชาชน  "โนมูระ พัฒนสิน -กสิกรไทย" คาดกลุ่มบัตรเครดิต-สินเชื่อส่วนบุคคลเสี่ยงโดนสั่งหั่นดอกเบี้ยมากสุด   "เอเซีย พลัส"แจงดอกเบี้ยที่ลดทุก1%กดกำไรดิ่งกว่า10% 

ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นกลุ่มแบงก์ปรับตัวลดลงเกือบยกแผงนำโดยธนาคารกสิกรไทย( KBANK) ลงหนักสุด3.85% หรือ 5 บาท มาปิดที่ 125 บาท รองมาธนาคารไทยพาณิชย์(SCB )ลดลง2.84% หรือ3 บาทปิดที่ 102.50 บาท  ขณะที่หุ้นกลุ่มนอนแบงก์ปรับตัวลดลงเช่นกัน นำโดยบมจ.เน็คซ์ แคป ปิตอล (NCAP)ลดลง5.93%หรือ 0.80 บาทปิดที่ 12.70 บาท รองมา บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล( MTC) ลดลง3.15% หรือ 2 บาทปิดที่ 61.50บาท

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โนมูระพัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ราคาหุ้นกลุ่มแบงก์และนอนแบงก์ปรับตัวลดลงนั้น จากกรณีนายกรัฐมนตรีให้ รมว.คลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หารือแก้ไขปรับโครงสร้างหนี้ครัวเรือนอีกระรอก หลังที่ผ่านมาทำได้ต่ำเป้า โดยหวังลดภาระหนี้ดอกเบี้ยลงอีก 2-3% ต่อปี ซึ่งเป็นจิตวิทยาเชิงลบกดดันหุ้นกลุ่มดังกล่าว

ทั้งนี้ส่วนตัวมองว่าสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลมีโอกาสถูกปรับลดมากสุด รองมา คือสินเชื่อจำนำทะเบียน และสินเชื่อจากแบงก์ ทั้งนี้ดอกเบี้ยที่ลดทุก1%จะกดดันกำไรลดลง เช่น KTC ในปี2565 คากกำไรลดลงจากประมาณการ12% ส่วนบมจ. อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) (AEONTS)ลดลง15% และกดดันราคาเหมาะสมหุ้นลดลงเช่นกัน

นายกรกช เสวตร์ครุตมัต ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล. กสิกรไทย กล่าวว่า หากดูความเป็นไปได้ของโอกาสการลดเพดานดอกเบี้ยในกลุ่มต่างๆมองว่า โอกาสที่จะลดเพดานดอกเบี้ยเช่าซื้อเป็นไปได้ยาก เพราะกลุ่มนี้เก็บดอกเบี้ยต่ำกว่าเพดานอยู่แล้ว 

ทั้งนี้กลุ่มที่ทีโอกาสเห็นการลดดอกเบี้ย เช่น พิโกและนาโนไฟแนนซ์ ที่ปัจจุบันมีการเก็บดอกเบี้ยที่ 33% แต่อาจทำให้ผู้ประกอบการปล่อยกุู้ยากขึ้น ตามความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น ขณะที่มองกลุ่มที่กระทบมากสุดคือสินเชื่อบุคคลและบัตรเครดิต ที่มีการเก็บดอกเบี้ยเต็มเพดานที่ 18-25% และกลุ่มนี้ ROEสูงกว่า10% จึงมีโอกาสที่จะเห็นการลดดอกเบี้ยกลุ่มนี้  

นายเอนกพงศ์ พุทธาภิบาล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส กล่าวว่า หากมีการลดดอกเบี้ยจริง เชื่อว่าทุก 1% ของสินเชื่อนั้นๆจะส่งผลให้ Yieldes ของธุรกิจลดลงกว่า 10% ต่อปี และกระทบต่อกำไรของแต่ละธุรกิจ เช่น TIDLOR ลง 18.3% MTC ลง 12.8% AEONTS ลง 9.2% SAWAD ลง 7%

แต่อย่างไรก็ตามทั้งนี้แม้จะมีการลดดอกเบี้ย เชื่อว่าเช่าซื้อ สินเชื่อจำนำทะเบียนจะกระทบน้อย  เพราะมองว่าสินเชื่อที่คาดเติบโตต่อเนื่องในปีนี้ จะช่วยชดเชยผลกระทบจากการลดดอกเบี้ยได้

“คำแนะนำ ปัจจุบันยังมองการลงทุนในกลุ่มดังกล่าวในเชิงลบ แม้ว่าจะยังไม่กระทบมาก ดังนั้นอยากให้ติดตามความชัดเจนจากเรื่องนี้ก่อนที่จะคาดการณ์กำไรของบริษัทเหล่านี้ใหม่ แต่มองว่าการลดเพดานดอกเบี้ยลง อาจทำให้กระทบต่อการเข้าถึงสินเชื่อในอนาคต อย่าลืมว่าคนที่พึ่งพานอนแบงก์ ส่วนใหญ่เครดิตต่ำกว่าแบงก์ ดังนั้นกลุ่มนี้อาจกลับไปพึ่งหนี้นอกระบบได้"

เนื้อหาที่เกี่ยวข้อง

นางสาวณญาณี เผือกขำ ประธานกรรมการ กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ผู้ให้บริการด้านบัตร​เครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล กล่าวว่า กรณีที่นายกรัฐมนตรี มีการสั่งให้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ให้ทบทวนเพดานอัตราดอกเบี้ยและการกำกับสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล ที่เก็บอยู่ที่ 16 %และ 25% และสินเชื่อจำนำทะเบียนที่ 24% นั้นขณะนี้ยังเร็วไปที่จะสรุป อีกทั้งต้องรอดูนโยบายที่ชัดเจนอีกครั้ง 

แต่ในมุมของ กรุงศรีคอนซูมเมอร์มองว่า ปัจจุบันบริษัทก็ได้มีการช่วยลูกค้าเต็มที่แล้ว เพื่อให้ลูกค้ารอด อีกทั้งมองว่า ประเด็นด้านดอกเบี้ย ไม่ใช่ประเด็นในการแก้ปัญหาหนี้สินให้ลูกหนี้ แต่สิ่ง  แต่สำคัญที่สุดคือ การช่วยลูกหนี้ให้ผ่านวิกฤติไปได้ก่อน เป็นสิ่งจำเป็นและสำคัญมาก เพราะปัจจุบันคนไม่มีความสามารถกู้ หรือชำระคืนได้ จากความสามารถที่ลดลง