'หุ้นไทย' ปิดตลาดวันนี้ร่วง10.75 จุด เหตุแรงปรับพอร์ตฝั่งกองทุน

'หุ้นไทย' ปิดตลาดวันนี้ร่วง10.75 จุด เหตุแรงปรับพอร์ตฝั่งกองทุน

หุ้นไทยวันนี้ (15 มิ.ย.) ดัชนี SET Index ปิดตลาด อยู่ที่ระดับ 1,622.31 จุด ปรับลง10.75 จุด หรือ -0.06% มีมูลค่าซื้อขายรวมทั้งสิ้น 90,036.14 ล้านบาท หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด KBANK GUNKUL PTT โบรกชี้กองทุนปรับพอร์ตขายทำกำไรก่อนประชุมเฟด

ความเคลื่อนไหวหุ้นไทยวันนี้ (15 มิ.ย.) ดัชนี SET Index ปิดตลาด อยู่ที่ระดับ 1,622.31 จุด ปรับลง10.75 จุด หรือ -0.06%  มีมูลค่าซื้อขายรวมทั้งสิ้น 90,036.14 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีสูงสุด 1,636.10 จุดและต่ำสุด 1,618.60 จุด ซึ่งตลอดช่วงบ่ายมีแรงขายต่อเนื่อง โดยนักลงทุนสถาบันขาย 381.441 ล้านบาท นักลงทุนในประเทศขาย 904.53 ล้านบาท ขณะที่  นักลงทุนต่างประเทศซื้อ 1,570.03 ล้านบาท 

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ยูโอบี เคย์เฮียน (​ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับลดลงเนื่องจากแรงปรับพอร์ตทำกำไรระยะสั้นของนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนในประเทศ ก่อนทราบผลประชุมเฟดในวันที่ 15-16 มิ.ย.นี้  โดยพบว่า มีแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ กลุ่มธนาคารพาณิชย์และปิโตรเคมี ที่ปรับตัวลงแรง  

สำหรับหุ้นธนาคารพาณิชย์ มีแรงกดดันเชิงลบ จากกระแสข่าวนโยบายภาครัฐคุมสินเชื่อ ขณะที่ตลาดระวังการลงทุนหุ้นปิโตรเคมี ที่แนวโน้มราคาปิโตรเคมีภัณฑ์ช่วงครึ่งปีหลังมีโอกาสชะลอตัวลงและการฉีดวัคซีนทำให้ภาพการเปิดประเทศ หนุนเศรษฐกิจในประเทศมีโอกาสปรับตัวดีขึ้น ทำให้นักลงทุนปรับพอร์ตในเชิงกลยุทธ์ ทำกำไรระยะสั้น  ด้วยปรับลดน้ำหนักหุ้นกลุ่มปิโตรเคมี มาเท่ากับตลาดหรือน้อยกว่าตลาด หลังจากราคาปรับตัวขึ้นมาระดับหนึ่งก่อนหน้านี้แล้ว

สำหรับในวันพรุ่งนี้ (16 มิ.ย.) และในสัปดาห์นี้ คาดว่าตลาดหุ้นไทยยังเคลื่อนไหวในกรอบ แนวรับ 1,606 จุด และแนวต้าน 1,630-1,635 จุด

แนะว่า นักลงทุนไม่ควรเข้าไปไล่ราคาหุ้นกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นไปมากแล้ว เน้นลงทุนหุ้นที่ราคายังไม่ปรับขึ้นมาก และมีปันผล เช่น กลุ่มสื่อสาร ไฟฟ้ารายใหม่ และกองรีท อาทิ ADVANC RATCH EGCO ฺBTSGIF CPNREIT

นายกิจพณ กล่าวต่อว่า  สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตาม ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2564  ที่คาดว่า จะอ่อนตัวกว่าไตรมาส 1 ปี 2564 ซึ่งเป็นไฮซีซันอยู่แล้วและยังได้รับผลกระทบจากโควิดระลอก 3  รวมถึงความล่าช้าของการกระจายวัคซีน มองว่า จะยังกดดันดัชนีระยะสั้นเท่านั้น หากยังสามารถส่งมอบวัคซีนในเดือน ก.ค. และส่งมอบวัคซีนได้เดือนละ 10 ล้านโดสต่อเดือนและฉีดวัคซีนได้เฉลี่ย 300,000 รายขึ้นไปได้ ยังเป็นปัจจัยหนุนตลาดในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ 

ในส่วนผลประชุมเฟดครั้งนี้ คาดเฟดส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินลง จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ  ที่มีอัตราการว่างงานดีกว่าเมื่อปี 2557 ที่เฟดเริ่มลดคิวอีแต่แรงกดดันเงินเฟ้อไม่เท่ากับปัจจุบัน ที่มีแรงอัดฉีดทั้งนโยบายการเงินและการคลังพร้อมกันเป็นจำนวนมาก ดังนั้นมองว่า มีโอกาสที่จะเห็นเฟดเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงินอาจจะเร็วกว่าได้ปกติที่จะเริ่มใช้ในเดือนธ.ค.เช่นในอดีต

ดังนั้น ตลาดหุ้นไทย บนเส้นทางลดคิวอีนั้น  นายกิจพณ มองว่า ระยะ 3-6เดือนข้างหน้า หุ้นไทยยังไซด์เวย์อัพได้ แม้จะมีการปรับพอร์ตทำกำไรของนักลงทุนและเงินทุนไหลออกบ้างแต่ไม่ได้ผลต่อตลาดอย่างนัยสำคัญ แต่หลังจาก 6-9 เดือนไปแล้ว จะเริ่มมีความเสี่ยงเงินทุนไหลออกมากขึ้น หุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวลง เงินทุนต่างชาติในฝั่งตลาดประเทศเกิดใหม่จะเริ่มไหลกลับไปฝั่งสหรัฐ เป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อหุ้นไทยอย่างมีนัยสำคัญ  

5 อันดับหุ้นที่มีมูลค่าซื้อ-ขายสูงสุดสุดประจำวันนี้

1. KBANK : 5,427.33 ล้านบาท ราคา -5.00 บาท (-3.85%)

2. GUNKUL : 3,561.77 ล้านบาท ราคา -0.18 (-4.07%)

3. PTT : 2,280.67 ล้านบาท  ราคา -0.75 (-1.81%)

4. TASCO : 2,217.27 ล้านบาท ราคา +0.70 (+3.48%)

5. PTTGC : 2,076.08 ราคา -1.25 (-2.07%)