'อาคม' แจง 'วุฒิสภา' สัดส่วนดอกเบี้ยเงินกู้ 1ล้านล้านบาท ไม่เกิน8% - แย้มคิดแก้กฎหมายวินัยการคลัง

'อาคม' แจง 'วุฒิสภา' สัดส่วนดอกเบี้ยเงินกู้ 1ล้านล้านบาท ไม่เกิน8% - แย้มคิดแก้กฎหมายวินัยการคลัง

วุฒิสภา ลงมติเอกฉันท์ อนุมัติ พ.ร.ก.กู้เงิน5 แสนล้านบาท "รมว.คลัง" รับมีข้อเสนอแก้กฎหมายวินัยการคลัง - ย้ำตัวเลขสัดส่วนดอกเบี้ย จากพ.ร.ก.กู้เงิน 1ล้านล้านบาท แตะ 8% ไม่เกินกรอบ

       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมวุฒิสภา ลงมติอนุมัติ พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจและสังคมจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่มเติม พ.ศ 2564   ด้วยเสียงเอกฉันท์ 205 เสียง ทั้งนี้มีผู้งดออกเสียง 2 เสียง หลังจากที่ที่ประชุมใช้เวลาอภิปรายเนื้อหาดังกล่าว กว่า 5 ชั่วโมง
       สำหรับเนื้อหาของการอภิปราย ของ ส.ว. นั้นไม่มีบุคคลใดที่แสดงความเห็นคัดค้านการออกพ.ร.ก.กู้เงินฯ ทั้งนี้มีข้อเสนอต่อแก้ปัญหาหนี้สาธารณะที่อาจเกินเพดานตามที่กฎหมายกำหนด หลังจากที่ รัฐบาล เริ่มกู้เงินตามพ.ร.ก.ดังกล่าว ด้วยการแก้ไขตัวเลข ผ่านมติของคณะกรรมการวินัยการเงินการคลังของรัฐ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธาน และไม่ต้องนำเข้าสภาฯ เพื่อแก้ไขกฎหมาย นอกจากนั้นแล้วยังเสนอแนะให้รัฐบาลเร่งติดตามการใช้งบประมาณอย่างเป็นระบบ ทันท่วงที โดยไม่รอให้สิ้นปีงบประมาณ จึงนำเสนอรายงานต่อสภาฯ
162366651944
       ทั้งนี้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง ชี้แจงกับวุฒิสภา ด้วยว่าการก่อหนี้สาธารณะ รวมถึงการชำระหนี้ที่ส.ว. กังวลนั้น ตนยืนยันว่าการบริหารกรอบหนี้สาธารณะต่อจีดีพี ตามกฎหมายกำหนด ทั้งนี้กระทรวงการคลังจะติดตามสภาวตลาดการเงินอย่างใกล้ชิดเพื่อเลือกเครื่องมือกู้เงินที่เหมาะสม ทั้งนี้การกู้เงิน ตามพ.ร.ก.กู้เงิน วงเงิน 1 ล้านล้านบาท กระทรวงการคลัง ได้หาแหล่งเงินกู้ที่เหมาะสมและคิดดอกเบี้ย 1.19% ระยะเวลากู้ 5 ปี  หากปี 2565 ใช้เงินครบ ดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 8% ต่ำกว่าสัดส่วนกรอบความยั่งยืนทางการคลัง

        “ ปี 2565 ไม่ถึงกับจำเป็น หากโควิดคลี่คลายและยุติ ความจำเป็นใชัเงินจะคลี่คลาย หากเป็นเช่นนั้นคาดว่า สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพี เตะกรอบเพดานหนี้สาธารณะที่กำหนดไว้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพี เป็นเพียงตัวเลขที่กำหนดไว้ เพื่อใช้ในการกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ ทั้งนี้ต้องพิจารณาถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้อง เช่นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ส่วนการชำระหนี้ระหว่างปี ได้ตั้งงบประมาณเพื่อชำระหนี้คืน จำนวน 1แสนล้านบาท ซึ่งผมให้ความสำคัญต่อการชำระหนี้ เพื่อไม่ให้ดอกเบี้ยเพิ่มพูน ผมไม่ต้องการประหยัดชำระหนี้ เพื่อใช้จ่ายโครงการอื่น เพราะจะกระทบความน่าเชื่อถือของต่างประเทศ และเศรษฐกิจประเทศไทย ดังนั้นต้องชำระหนี้ให้ครบ ตรงเวลาและถูกต้อง อย่างไรก็ดีตนตอบไม่ได้ว่า โควิด-19 จะระบาดอีกหรือไม่ เพราะขึ้นอยู่กับความร่วมมือของประชาชน ” นายอาคม ชี้แจง

        นายอาคม ชี้แจงกล่าวต่อว่า กรณีที่เสนอให้ปรับตัวเลขเพดานหนี้ หรือ ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง   นั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ระบุว่าจะรับไปพิจารณา ทั้งนี้ตาม พ.ร.บงวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 เปิดช่องให้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน โดยระหว่างปี หากเกิดวิกฤตสามารถกู้ได้หากจำเป็น อย่างไรก็ดีประเด็นดังกล่าวสำนักงานกฤษฎีกาให้ข้อเสนอแนะไว้เช่นกัน.