ยิ่งสถานการณ์วิกฤติ ยิ่งต้องสื่อสารด้วยความจริง

ยิ่งสถานการณ์วิกฤติ ยิ่งต้องสื่อสารด้วยความจริง

ปัจจุบันถือเป็นสถานการณ์วิกฤติตามที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลต้องสื่อสารการฉีดวัคซีนด้วยข้อมูลจริงมากที่สุด

การปูพรมฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในประเทศไทย เพื่อฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั่วประเทศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 7 มิ..2564 หลังจากที่เริ่มฉีดวัคซีนให้กับผู้ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนมาตั้งแต่วันที่ 28 ..2564 คือ บุคลากรด้านสาธารณสุข เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง บุคลากรด้านการบิน รวมถึงผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว 7 โรค โดยผลการฉีดวัคซีนถึงวันที่ 12 มิ..2564 อยู่ที่ 6.08 ล้านโดส รวมแล้วมีผู้ฉีดเข็มที่ 1 สะสมจำนวน 4.45 ล้านราย และมีผู้ฉีดเข็มที่ 2 สะสมจำนวน 1.62 ล้านราย

หากดูปริมาณการฉีดวัคซีนตั้งแต่วันที่ 7 มิ..2564 พบว่ามีปริมาณการฉีดในระดับที่ยอมรับได้ โดยมีการฉีดให้กับประชาชนเข็มที่ 1 จำนวน 1.57 ล้านราย และการฉีดเข็มที่ 2 ให้ประชาชน จำนวน 291,499 ล้านราย นั่นหมายความว่าการฉีดวัคซีนของประเทศไทยมีความพร้อมการฉีดในระดับปูพรม ซึ่งเป็นความร่วมมือโรงพยาบาลทั่วประเทศ รวมถึงหน่วยงานรัฐในบางพื้นที่ และถ้ามีวัคซีนส่งมอบตามแผนย่อมเชื่อได้ว่าภูมิคุ้มกันหมู่เกิดขึ้นในประเทศไทยตามแผนแน่นอน

สิ่งที่น่ากังวลในขณะนี้ คือ โรงพยาบาลหลายแห่งที่รับลงทะเบียนฉีดวัคซีนผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ออกมาประกาศเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไป รวมถึงการฉีดวัคซีนที่ดำเนินการโดยกระทรวงแรงงานเพื่อฉีดให้กับผู้ประกันตามมาตรา 33 ต้องประกาศเลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปเช่นเดียวกัน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นย่อมส่งผลกระทบต่อปริมาณการฉีดวัคซีนหลังจากนี้ และย่อมส่งผลกระทบต่อการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

การระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกที่ 3 ที่เริ่มขึ้นมาตั้งแต่เดือน เม..2564 และยังคงระบาดอย่างต่อเนื่องถึงปัจจุบัน รวมอยู่ที่ 167,046 ราย หายป่วยกลับบ้าน 4,143 ราย นั่นหมายความว่ามีผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่อยู่ในขั้นตอนการรักษาขณะนี้ในระดับหลักแสนราย ซึ่งมีคำถามเกิดขึ้นว่าหากไม่สามารถควบคุมการระบาดรอบนี้ได้แล้วระบบสาธารณสุขของไทยรับได้ระดับใด

ปัจจุบันถือเป็นสถานการณ์วิกฤติตามที่รัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลต้องสื่อสารการฉีดวัคซีนด้วยข้อมูลจริงมากที่สุด ซึ่งช่วงที่ผ่านมาเริ่มมีความไม่พอใจถึงความล่าช้าในการฉีดวัคซีนและการเลื่อนนัดการฉีดวัคซีน โดยถ้าผู้ผลิตวัคซีนมีการส่งมอบล่าช้าจากกระบวนการผลิตเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ในโรงงานผลิตสินค้าต่างๆ ซึ่งการสื่อสารถึงเหตุที่ล่าช้าด้วยข้อเท็จจริงย่อมจะทำให้ประชาชนเข้าใจสถานการณ์มากขึ้น