ย้อนรอย ‘ปันผล’ 10 แบงก์ ปี 2563
เปิดสถิติ ปันผลของธนาคาร 10 แบงก์ ปี 63 หลังธปท.ไฟเขียว ให้แบงก์กลับมาจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลปี 64 ได้ หลังสั่งงดจ่าย จากผลกระทบโควิดกว่า 1ปีที่ผ่านมา พบ TISCO จ่ายปันผลสูงสุดที 6.30 บาทต่อหุ้น ถัดมา BBL-KBANK จ่ายที่ 2.50 บาทต่อหุ้น
สถานการณ์แบงก์ เริ่มกลับมา “คึกคัก” อีกรอบ หุ้นแบงก์เด้งเขียวทั้งกระดาน จากก่อนหน้า เข้าโหมดซึมไปนาน ตั้งแต่เกิดไวรัสโคโรนา สายพันธ์ใหม่ หรือโควิด-19 กว่า 1ปีที่ผ่านมา
หลังธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ไฟเขียว ให้แบงก์กลับมาจ่าย ‘ปันผลระหว่างกาล’ของปี 2564 ได้ จากเดิมที่เคยปรกาศให้งด การจ่ายปันผลระหว่างการไปเมื่อเกิดโควิด-19 ใหม่ เพื่อให้แบงก์มีสภาพคล่องเพียงพอในการรองรับวิกฤติและรองรับการดูแลลูกค้าอย่างทั่วถึง
การกลับมา “อนุญาต”ให้แบงก์กลับมาจ่ายปันผลได้รอบนี้ ธปท.ระบุว่า แม้จะอนุญาตปันผลระหว่างกาลได้ แต่ยังคงอัตราการจ่ายเงินปันผล โดยไม่เกินปี 2563 และไม่เกิน 50% ของครึ่งปีแรก 2564 เช่น หากสถาบันการเงินมีกำไร 100 ล้านบาท แบงก์จะจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นได้ไม่เกิน 50ล้านบาท และต้องไปดูว่า ที่ผ่านมา จ่ายเงินปันผลได้แค่ไหน หากจ่ายอยู่ที่ 30% ของกำไรสุทธิ การจ่ายปันผลระหว่างกาลก็ต้องไม่เกิน 30% เท่านั้น
อีกทั้ง ปัจจุบัน สถาบันการเงิน มีสำรองเพียงพอ ในการรองรับสถานการณ์โควิดแล้ว จากการระมัดระวังและเพิ่มเงินกองทุนให้อยู่ระดับสูงต่อเนื่อง ทำให้ปัจจับนเงินกองทุนต่อสินทัพย์เสี่ยงหรือ BIS ของแบงก์ทั้งระบบขึ้นมาสู่ 20%
ขณะที่สำรองต่อเอ็นพีแอล ก็พบว่า สูงถึง 150% ขณะที่ การดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องเพื่อรองรับสถานการณ์ด้านสภาพคล่องที่มีความรุนแรง (Liquidity Coverage Ratio: LCR) ปัจจุบันสูงถึง 180% เกินเกณฑ์ที่กำหนดไว้ที่ 100%
ซึ่งเหล่านี้จะช่วยรองรับเสถียรภาพของแบงก์ในระยะข้างหน้า และเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น ผู้ฝากเงินด้วย แต่การจ่ายปันผลทั้งปี 2564 ธปท.จะมีการพิจารณา และติดตาม ก่อนจะพิจารณาในไตรมาส 4ปีนี้ได้
ดังนั้น ด้วยความแข็งแกร่งเพียงพอของแบงก์ ก็ถือว่าสมเหตุสมผลที่ เห็นควรให้แบงก์กลับมาจ่ายปันผลระหว่างกาลได้อีกครั้ง จากที่งดไป1ปีเต็มๆ
หากย้อนดูอัตราการจ่ายเงินปันผลของธนาคารพาณิชย์ปี 2563 ที่ผ่านมา สำหรับ10ธนาคารพาณิชย์ พบว่า แบงก์ที่มีการจ่ายเงินปันผลสูงสุด ในปี 2563 แบงก์แรกต้องยกให้ ธนาคารทิสโก้(TISCO) ที่มีการจ่ายปันผลสูงลิวถึง 6.30 บาท ซึ่งคิดเป็นการจ่ายเท่ากับ 83.2%ของกำไรสุทธิปี2563
ถัดมาคือธนาคารกสิกรไทย(KBANK) และธนาคารกรุงเทพ(BBL) ที่จ่ายเงินปันผลเท่ากัน ที่ 2.50 บาท โดย BBL จ่ายอยู่ที่ 30.53% ของกำไรสุทธิ และ KBANK จ่ายเท่ากับ23.73% ของกำไรสุทธิ
ตามด้วย ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ที่จ่ายปันผลทั้งปีอยู่ที่ 2.30 บาท หรือ 28.1%ของกำไรสุทธิ ตามด้วยธนาคารเกียรตินาคินภัทร (KKP)ที่ถือว่าแม้จะเป็นแบงก์ขนาดกลาง แต่ก็จ่ายไม่น้อยหน้า หากเทียบกับธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ โดย KKP จ่ายอยู่ที่ 2.25 บาท หรือคิดเป็น 37.19 %ของกำไรสุทธิ
ขณะที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา(BAY) จ่ายปันผลอยู่ที่ 0.35 บาท หรือคิดเป็น 31.55% และ ธนาคารกรุงไทย(KTB) ที่ 0.27 บาทต่อหุ้น หรือ 28.93%ของกำไรสุทธิ
ตามด้วย TTB ที่จ่ายอัตราเงินปันผลที่ 0.045 ต่อหุ้น หรือ 33.8% ขณะที่ ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ หรือ (LHFG) จ่ายปันผลอยู่ที่ 0.040บาท ต่อหุ้น หรือ 85.25% ของกำไรสุทธิ และสุดท้ายคือธนาคารซีไอเอ็มบีไทย(CIMBT) จ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 0.005 บาทต่อหุ้น
ซึ่งอัตราการจ่ายปันผลปี 2563 นี้ จะสามารถนำไปคาดการณ์อัตราการจ่ายปันผลระหว่างกาลของปี 2563 ได้ เพราะ การกำหนดการจ่ายปันผลระหว่างกาลปีนี้ เกณฑ์คือ ต้องไม่เกิน กำไรของปี 2563 ทั้งปี และไม่เกิน 50% ของกำไรสุทธิครึ่งปีแรก 2564