'ปชป.' นัดคุยพรรคร่วมรอบใหม่ 16 มิ.ย.นี้ ย้ำหนุนบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ สะท้อนเจตนารมณ์ ปชช.

'ปชป.' นัดคุยพรรคร่วมรอบใหม่ 16 มิ.ย.นี้ ย้ำหนุนบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ สะท้อนเจตนารมณ์ ปชช.

"ประชาธิปัตย์" เดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญรายมาตรา ย้ำหนุนบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ยึดตาม รธน.ปี 40 สะท้อนเจตนารมณ์ ปชช. เผยนัดคุยพรรคร่วมรอบใหม่ 16 มิ.ย.นี้

วันที่ 12 มิ.. นายชัยชนะ เดชเดโช ..นครศรีธรรมราช และรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ขณะนี้กระบวนการในการแก้ไขรัฐธรรมนูญมีความคืบหน้าไปมาก โดยนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รองประธานวิปรัฐบาลระบุว่า จะนำร่างแก้ไขเพิ่มเติมรายมาตราที่มีพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทยและพรรคชาติไทยพัฒนา ร่วมกันเสนอ จำนวน 7 ฉบับ ซึ่งได้เพิ่มเติมจากร่างของพรรคภูมิใจไทย ที่ต้องการเพิ่มเรื่องอำนาจสิทธิและการคุ้มครองประชาชนในการรับบริการของรัฐมาประกอบด้วย และจะมีการพิจารณาร่วมกัน เพื่อให้ทันกับการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในปลายเดือน มิ..นี้ ซึ่งพรรคประชาธืปัตย์ยืนยันมาตลอดว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้มีข้อบกพร่องที่สำคัญหลายประการ ที่ไม่สามารถสร้างประชาธิปไตยให้สมบูรณ์แบบได้ ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์และอีก 2 พรรคการเมือง จึงเสนอร่างแก้ไข ที่มีเนื้อหาที่สามารถประสานประโยชน์ให้กับทุกฝ่ายในสภา โดยยึดถือประโยชน์ของประชาชนเป็นหลักใหญ่ใจความ เพื่อนำไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ได้ในที่สุด

นายชัยชนะ กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นเรื่องกระบวนการเลือกตั้งนั้นตนเห็นว่า ทิศทางที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ ให้มี ..เขต 400 คน และ..บัญชีรายชื่อ 100 คน โดยใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เหมือนกับในรัฐธรรมนูญ 2540 เพราะนอกจากประชาชนมีความคุ้นเคยในการเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบ เหมือนกับที่ผ่านๆ มาแล้ว การใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ จะสะท้อนเจตนารมณ์ที่แท้จริงของประชาชนได้มากกว่า เพราะการที่ประชาชนมีความลำบากใจในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วจากบัตรใบเดียว แต่มีเพียงไม่กี่หน่วยงานที่ได้ประโยชน์เนื่องจากเป็นการประหยัดงบประมาณ แต่กลับสร้างปัญหาในการทราบความต้องการที่แท้จริงของประชาชนนั้น ถือเป็นการบิดเบือนพื้นฐานของประชาธิปไตย ที่จำเป็นจะต้องมีการแก้ไขให้ถูกต้องจากตัวแทนของประชาชน

ด้านนายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สำหรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในส่วนของพรรค ได้มีการจัดเตรียมไว้ทั้งหมด 6 ร่าง และส่งให้นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ในฐานะประธานวิปของพรรค ได้ไปพูดคุยกับพรรคร่วมอีก 2 พรรค ประกอบด้วยพรรคภูมิใจไทย และพรรคชาติไทยพัฒนา เพื่อหาความเห็นพ้อง โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยกันไปแล้ว และมีความเห็นชอบตรงกันหลายส่วน สำหรับส่วนที่ยังไม่เห็นพ้องก็จะได้มีการปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้เป็นร่างที่ทั้ง 3 พรรคร่วมมีความเห็นพ้องต้องกันนอกจากนี้ก็ยอมรับว่า ลำพังเสียงของแต่ละพรรคทั้ง 3 พรรค ไม่พอที่จะยื่นเองได้ จึงต้องอาศัยความเห็นพ้องจาก 3 พรรค เพื่อยื่นต่อรัฐสภา แต่จะได้มีการพูดคุยกันอีกครั้งในวันที่ 16 มิ..นี้

นายราเมศก กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ 6 ร่าง ของพรรคประชาธิปัตย์นี้ ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น แต่การแก้ไขโดยคิดแต่เรื่องโครงสร้างทางการเมืองอย่างเดียวคงไม่ได้ ดังนั้นในร่างฉบับแรก จึงได้กล่าวถึงสิทธิของพี่น้องประชาชนที่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันลดน้อยถอยลง ไม่ว่าจะเป็นสิทธิในกระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นสิทธิชุมชนในเรื่องการคุ้มครองสิทธิในชุมชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิ่งแวดล้อมต่างๆ ก็จะต้องมีรัฐธรรมนูญที่เป็นหลักประกันในเรื่องสิทธิชุมชนได้ เหมือนรัฐธรรมนูญ 2550 ในเรื่องสิทธิของผู้บริโภค นอกจากนี้จากการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์ ก็เห็นว่ายังมีเรื่องสิทธิในที่ดินทำกิน ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่รัฐธรรมนูญควรมีระบุไว้เพื่อเป็นหลักประกันให้กับพี่น้องประชาชนว่า ประชาชนในแผ่นดินนี้ควรได้รับการจัดสรรที่ดินทำกินให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ซึ่งในร่างแรกของพรรค มีวัตถุประสงค์เพื่อตอบสนองความต้องการ และเห็นแก่ประโยชน์ของพี่น้องประชาชน

"สำหรับร่างที่ 2 ของพรรค ที่เป็นเรื่องระบบเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 400 คนจากเขตเลือกตั้ง และ 100 คน จากบัญชีรายชื่อโดยใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ส่วนกระบวนการคำนวณสัดส่วนคะแนนนั้นจะให้มีการกำหนดไว้ใน ...ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นกฎหมายลูกของรัฐธรรมนูญ"นายราเมศ กล่าว

นายราเมศ กล่าวอีกว่า ส่วนร่างที่เกี่ยวข้องกับอำนาจของสมาชิกวุฒิสภา เชื่อมโยงกับการเลือกนายกรัฐมนตรี ได้มีการเตรียมร่างไว้จากเดิมที่มีการเสนอบัญชีนายกฯ ไว้ โดยมีการปรับแก้ว่า บุคคลที่จะเสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรีในสภา จะต้องเป็นบุคคลที่อยู่ในบัญชีนายกรัฐมนตรีที่เสนอจากพรรคการเมือง หรือเป็นบุคคลที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพราะถือว่าได้ผ่านการตรวจสอบ และผ่านการเลือกจากประชาชนมาแล้วส่วนหนึ่ง และมาตรา 272 ไม่ให้อำนาจสมาชิกวุฒิสภาเลือกนายกรัฐมนตรี

นายราเมศ กล่าวต่อว่า ขณะที่ร่างที่ 4 เป็นกรณีการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 ที่ผ่านวาระ 2 ไปแล้ว คือตัดอำนาจของวุฒิสมาชิกออกในวาระที่ 1 และวาระที่ 3 จำนวน 1 ใน 3 ออก และใช้จำนวนสมาชิก 3 ใน 5 ของจำนวนสมาชิกรัฐสภาเท่าที่มีอยู่ และร่างที่ 5 ในเรื่องการดำเนินคดีกับ ปปช. ที่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน มาตรา 236 ระบุว่าให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือสมาชิกรัฐสภา ยื่นเรื่องไปให้ประธานรัฐสภา และให้ประธานรัฐสภาวินิจฉัยเบื้องต้นว่าเห็นด้วยจะส่งดำเนินคดีหรือไม่ ซึ่งหากเราต้องการให้การตรวจสอบการทุจริตเป็นไปอย่างเข้มข้น ก็ไม่ควรให้เป็นเช่นนี้ เพราะประธานรัฐสภาเป็นคนของพรรคการเมือง หากวันหนึ่งไม่ใช่ ท่านชวน หลีกภัยและเป็นคนอื่นที่ไม่มีความตรงไปตรงมาก็จะทำให้เกิดการต่อรองในการดำเนินคดีได้ ดังนั้นจึงต้องให้มีการแก้ไขให้เป็นการยื่นดำเนินคดี ปปช. ต่อประธานรัฐสภา แต่ประธานรัฐสภาจะเป็นเพียงคนกลางในการส่งต่อไปยังศาล แล้วให้ศาลเป็นผู้วินิจฉัยต่อไป

"ร่างที่ 6 เป็นร่างที่เกี่ยวกับการปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งนายถวิล ไพรสณฑ์ เป็นผู้ดูเรื่องนี้มาตลอด จึงต้องการให้ผู้บริหารท้องถิ่นมาจากการเลือกตั้งของประชาชนเพียงอย่างเดียว ไม่ควรเขียนห้อยท้ายว่า หรือด้วยวิธีการอื่น จึงต้องแก้กลับมา เพื่อให้เป็นหลักประกันว่าเมื่อมีการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นแล้ว ก็ต้องมีรัฐธรรมนูญที่เอื้ออำนวยให้พี่น้องประชาชนมีส่วนร่วมในการปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างแท้จริงด้วย"นายราเมศ กล่าว