'โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ' ขาใหญ่ ตลาดหุ้น ‘สามมิตรคอนเน็กชั่น’

คำถามแรกเกิดขึ้นทันที โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ เขาเป็นใคร?

ถึงยอมจ่ายเงินส่วนตัว 310 ล้านบาทเพื่อซื้อลิขสิทธิ์”ยูโร 2020”มาให้คนไทยได้ดูกันฟรีๆ และเขาจะได้ผลตอบแทนอะไร เพราะหากเป็นภาคองค์กรธุรกิจ ร่วมกันลงขัน เป็นสปอนเซอร์ เพื่อโปรโมทสินค้าช่วงถ่ายทอด ย่อมเข้าใจได้ เป็นนักการเมืองดังซื้อลิขสิทธ์ก็พอเข้าใจได้

แค่พอปรากฎชื่อ ”โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ” เด็กรุ่นใหม่ที่นิยมฟุตบอล ย่อมยากที่จะรู้จัก

แต่หากถามแวดวงการเมือง เขาใกล้ชิดกับกลุ่มสามมิตร แนบแน่น และดีลถ่ายทอดสำเร็จครั้งนี้ได้เจรจาภายใน 1วันเกิดจาก”สามมิตรคอนเน็กชั่น”และลูกชาย “พงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ” ยังเป็น ส.ส.ในพรรคพลังประชารัฐอีกด้วย

ขณะที่แวดวงนักธุรกิจรุ่นเก่า และโดยเฉพาะคนในแวดวงตลาดหุ้น “รู้จักดี” เพราะเขาคือ”ขาใหญ่”ในตลาดหุ้นไทย

โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานบริหาร บริษัท ซัมมิทฟุตแวร์ จำกัด ถือว่าเป็นบุคคลที่กว้างขวางในแวดวงธุรกิจ -การเมือง และตลาดหุ้น

อาจบอกได้ถึงว่าเป็นบุคคลที่เข้าถึงยาก จน Low Profile High Profit เฉพาะการเป็น 1 ในเจนเนเรชั่นที่ 2 ของตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ ที่มีอาณาจักรไทยซัมมิทก็การันตรีถึงความร่ำรวย ได้เป็นอย่างดี

ด้านการเมืองเป็น คนที่ 3 ในจำนวนพี่น้อง 5 คน โดยเป็นพี่ชายของ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” โลดแล่นในแวดวงการเมืองตำแหน่งปัจจุบันเป็น รมต. กระทรวงอุตสาหกรรม และเป็น “อา” ของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ” ยังไม่นับกลุ่มกลุ่มตระกูล “จุฬางกูร” เป็นของพี่ชายคนโต (สรรเสริญ)ที่แยกตัวและเปลี่ยนนามสกุล และโด่งดังจากการถูกขนานนามว่าเป็น “รายใหญ่” “ ขาใหญ่” ในตลาดหุ้น ในช่วงยุคหุ้นซิ่ง -หุ้นปั่นเพื่องฟู ตั้งแต่ปี 2549

ด้วยการเข้าไปถือลงทุนในหุ้นที่มีผลประกอบย่ำแย่ -ขาดทุนแต่กลับมีราคาปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้น โดยมีชื่อเข้าไปถือหุ้นทั้ง บมจ. เพาเวอร์-พี (POWET) ,บมจ.แนเชอรัล พาร์ค (N-PARK) ,บมจ. อีเอ็มซี (EMC) ,บมจ. อีสเทร์นไวร์ (EWC), บมจ. ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น (PICNI) เป็นต้น พร้อมกับราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องและทำราคาสูงผิดปกติกลายเป็นหุ้นที่มักมีการกล่าวถึงมี “รายใหญ่”

จนทำให้เป็นที่เพ่งเล็งจาก ก.ล.ต. ในปี 2550 จนนำไปสู่การสั่งปรับจำนวน 10 ราย รวม 17 คดี มูลค่ารวม 7,833,700 บาท หนึ่งในนั้น คือ “โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ “ จำนวน 4 กรณี มูลค่ารวม 3.8 ล้านบาท กรณีมิได้รายงานการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งหลักทรัพย์ทุกร้อยละ 5 ของจำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของกิจการที่ถือผ่านบุคคลอื่น ตามแบบ 246-2 ต่อสำนักงานภายในเวลาที่กำหนด ใน 3 บริษัท PICNI –APURE และ EWC มูลค่าปรับ 3.21 แสนบาท 1.82 ล้านบาท และ 4.69 แสนล้านบาท ตามลำดับ

หุ้นที่สร้างชื่อเสียงเกรียวกราวให้ โกมล จึงรุ่งเรืองกิจ หรือ "เสี่ยโกมล” ยกให้ การเข้าถือหุ้นใหญ่กว่า 60% ในบริษัท อกริเพียวโฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ APURE ในปี 2555-2556 ด้วยธุรกิจขาดทุนสะสมมหาศาล 100 ล้านบาท สวนทางกับราคาหุ้น จนทำราคาชนเพดาน (ซิลลิง )เป็นว่าเล่น

ถัดมาการเข้าลงทุนใน บริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิล เอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ IEC ด้วยการเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนที่ราคา 0.125 บาท ในปี 2560 -2561 ผ่านการลงทุนในนาม APURE ด้วยการประกาศเข้ามากอบกู้ฟื้นฟูกิจการให้กับผู้ถือหุ้น ท่ามกลางตัวเลขขาดทุนสะสม 2,900 ล้านบาท และมีส่วนต่ำมูลค่าหุ้น 7,587 ล้านบาท และแน่นอนว่าราคาหุ้นพุ่งทำซิลลิ่งเช่นกันก่อนที่จะราคาร่วงพานักลงทุนบาดเจ็บและเข้าแผนฟื้นฟูกิจการ

อย่างไรก็ตาม “เสี่ยโกมล” ยังไม่จางหายไปจากตลาดหุ้นไทยเพราะการก้าวเข้ามาเป็นผู้บริหารเต็มตัว โดยเฉพาะ APURE ได้ให้ลูกชาย “สุเรศพล” เข้ามารับตำแหน่ง ประธานกรรมการ และตัวเองกลายเป็น “นักลงทุน” อีกครั้ง ด้วยการซื้อหุ้นเพิ่ม บมจ.พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค (PF) และขายออกไป จนล่าสุดดีลเพิ่มทุน บมจ. เบตเตอร์ เวิลด์กรีน (BWG ) ปรากฎชื่อ “เสี่ยโกมล” อีกครั้ง

ถึงตอนนี้ พอทราบตัวตน “เสี่ยโกมล” พอสมควรแล้ว คำถามที่ยังต้องหาคำตอบ คือ ทุมทุนไป 310 ล้านบาท ให้คนไทยดูฟุตบอลฟรี “เขาจะได้อะไร”

คำตอบเรื่องนี้ อยู่ที่เป้าหมายทางการเมือง ที่อย่างน้อย ตอกหมุด”กลุ่มสามมิตร”กับบทบาทในพรรคพลังประชารัฐ เพราะต้องอย่าลืมว่า “อนุชา นาคาศัย” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่รับโจทย์มาจากนายกรัฐมนตรี ให้หาแนวทางถ่ายทอดฟุตบอล”ยูโร 2020” นั้น อีกหมวกหนึ่งคือ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ที่จะมีการประชุมใหญ่ที่ขอนแก่น 18 มิ.ย.2564 นอกจากมีวาระกรรมการบริหารพรรคแล้ว ก่อนหน้านี้มีวาระการเปลี่ยนตัวเลขาธิการพรรค อยู่ด้วย

ดังนั้น พันธกิจของ”สามมิตรคอนเน็กชั่น”ครั้งนี้ เป็นการคืนความสุขให้คนไทย และอาจจะเป็นความสุขของกลุ่มสามมิตรก็เป็นได้