'อดิศักดิ์ 'ขายบิ๊กล็อตหุ้น JMART19.1 ล้านหุ้น ให้กองทุนต่างชาติ

'อดิศักดิ์ 'ขายบิ๊กล็อตหุ้น JMART19.1 ล้านหุ้น ให้กองทุนต่างชาติ

“อดิศักดิ์ สุขุมวิทยา” ผู้ถือหุ้นใหญ่ JMART ขายบิ๊กล็อต19.1 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ย32.75 บาท ่ต่ำกว่าราคาในกระดาน มูลค่า625.5ล้านบาท ให้กับกองทุนสถาบันต่างประเทศ หลัง Roadshow ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม

      ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (11 มิ.ย.64) พบการทำการรายการซื้อขายบนกระดานรายใหญ่ (บิ๊กล็อต)หุ้น บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART 19 รายการ จำนวน 19.10 ล้านหุ้น มูลค่า625.52 ล้านบาท ที่ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 32.75 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาปิดของวันที่ 10มิ.ย.ที่ 35.75 บาท 

   นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART ในฐานะบริษัทโฮลดิ้งที่มีกลยุทธ์การลงทุนแบบ Investment Holding Company (IHC) เปิดเผยว่า ภายหลังจากการเดินสายให้ข้อมูล Roadshow กับกองทุนสถาบันจากต่างประเทศ ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากใน Business Model ของกลุ่มบริษัท จึงได้ทำรายการขายหุ้นบนกระดานรายใหญ่ (Big Lot) จำนวน 19.1 ล้านหุ้น หรือคิดเป็นประมาณ 1.87% ให้แก่กองทุนชั้นนำต่างชาติ รวมมูลค่า 625.5 ล้านบาท โดยภายหลังจากการขายหุ้นดังกล่าว กลุ่มสุขุมวิทยายังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่กว่า 46.6%

   โดยการเข้ามาถือหุ้นของกองทุนจากต่างประเทศครั้งนี้ใช้วิธี Book Building ให้กับกลุ่มผู้ลงทุนประเภทสถาบัน ซึ่งได้รับได้รับความสนใจเข้ามาค่อนข้างดี แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในแผนการดำเนินงาน และ Business Model ของกลุ่มเจมาร์ทที่มี Synergy Ecosystem ทั้งทางด้านการเงิน และค้าปลีก โดยมีการใช้เทคโนโลยี เช่น Block chain และ Fintech เข้ามาใช้ในการดำเนินงานของบริษัทอย่างเป็นรูปธรรม ทำให้มั่นใจได้ว่าจะเป็นบริษัทที่ไม่ถูก Technology Disruption และมีการเติบโตที่ยั่งยืน เป็น Growth stock ที่จะสร้างการเติบโตแบบ J-Curve ด้วย Ecosystem ของภายในกลุ่มบริษัทเอง ทั้งนี้ การเข้ามาลงทุนของกองทุนสถาบันต่างชาติ ภายหลังจากการเข้ามาลงทุนเพื่อร่วมทุนทำธุรกิจของบริษัทข้ามชาติ เช่น KB Kookmin Card จากเกาหลีใต้ และ TIS Inc. จากญี่ปุ่น ยิ่งตอกย้ำว่า พลังของ Ecosystem ในกลุ่ม JMART นั้นจะสามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน และเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไปในอนาคต

สำหรับการคาดการณ์แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ จะยังคงมีทิศทางของธุรกิจที่เติบโตได้ตามเป้าหมาย ด้วยมีปัจจัยผลักดันหลัก (Key Drivers) คือ ผลการดำเนินงานของบริษัทย่อยใน ธุรกิจบริหารหนี้ของ JMT ยังคงรักษาระดับการเติบโตได้ตามเป้าหมายทั้งปี และคาดว่าเติบโตได้ตามเป้าหมาย อีกทั้งตลาดหนี้ด้อยคุณภาพเปิดโอกาสให้สะสมหนี้มากขึ้น ซึ่งจะเป็นฐานกำไรของกลุ่มได้อย่างแข็งแรง นอกจากนี้ สำหรับธุรกิจจำหน่ายมือถือ เจมาร์ท โมบาย ยังคงเติบโตได้ตามเป้าหมาย โดยคาดว่าเฉพาะในครึ่งปีแรกนั้นผลการดำเนินงานจะสามารถอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับผลการดำเนินงานทั้งปี 2563 ที่ผ่านมา อีกทั้งในครึ่งปีหลัง การขยายพอร์ตรถทำเงินของ SINGER จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ธุรกิจสินเชื่อของ KB J Capital ขยายการปล่อยสินเชื่อได้ตามเป้าหมาย และธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของ J นั้นจะสามารถเปิดศูนย์การค้าแห่งใหม่ “Jas Green Village คู้บอน” ได้ตามแผนงานที่วางไว้

อย่างไรก็ดี ก่อนหน้านี้ JMART เป็นหลักทรัพย์ใหม่ที่ถูกนำเข้าร่วมคำนวณดัชนี FTSE SET Mid Cap Index สะท้อนเป็นหุ้นที่มีคุณสมบัติโดดเด่นด้วยมาตรฐานการคำนวณดัชนีในระดับสากล มีผลวันที่ 21 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป