MAJOR - ซื้อ (11 มิ.ย.64)

MAJOR - ซื้อ (11 มิ.ย.64)

มีหวังว่าจะฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง

Event

ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายใหม่

Impact

ผลประกอบการใน 2Q64 น่าจะเป็นจุดตํ่าสุด

หลังจากที่ผลประกอบการใน 1Q64 ถูกกดดันจากการระบาดระลอกสองของ COVID-19 เราคาดว่า บริษัทจะยังคงขาดทุนต่อเนื่องใน 2Q64 จากการที่ COVID-19 กลับมาระบาดระลอกสาม โดยบริษัทน่าจะขาดทุนหนักขึ้น QoQ ใน 2Q64 เนื่องจากมีการปิดสถานบันเทิงชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน
2564 ซึ่งรวมถึงโรงภาพยนตร์ของบริษัท 439 โรงใน 21 จังหวัดซึ่งต้องปิดตามคำสั่งของผู้ว่าราชการของแต่ละจังหวัดด้วย โดยในจำนวนนี้ 203 โรง หรือ 46% ของโรงภาพยนตร์ที่ปิดบริการอยู่ในกรุงเทพ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาด แต่เมื่อเทียบ YoY เราคาดว่าบริษัทน่าจะขาดทุนน้อยลงเพราะค่าใช้จ่ายใน
การขายและบริหารน่าจะลดลงจากการบริการจัดการค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อรับมือกับสภาวะที่รายได้ลดลงหลัง COVID-19 เริ่มระบาดระลอกแรก

คาดว่าจะฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่งตั้งแต่ 2H64 เป็นต้นไป

แนวโน้มใน 2H64 ดูสดใสมากขึ้น จากการเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนชาวไทยตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2564 โดยมีจำนวนผู้ได้รับวัคซีนถึงเกือบ 1 ล้านคนในวันที่ 7 – 8 มิถุนายน 2564 ทำให้เกิดความเชื่อมั่นว่าน่าจะกลับมาเปิดสถานบันเทิง ซึ่งรวมถึงโรงภาพยนตร์ ในพื้นที่เสี่ยงได้ใน 3Q64 ดังนั้น เราจึงเชื่อว่าผลประกอบการของบริษัทจะพลิกเป็นกำไรได้ตั้งแต่ 2H64 เป็นต้นไป เนื่องจาก i) คาดว่าจะมีรายได้จากโรงภาพยนตร์จากการที่ผู้ชมกลับมาใช้บริการหลังจากที่มีการฉีดวัคซีนในวงกว้างมากขึ้นแล้ว ii) มีโปรแกรมหนังเด็ดจากฮอลลีวู้ดจ่อคิวลงโรงฉาย อย่างเช่น “The Fast and the Furious 9”, “Black Widow” และ “No Time To Die” iii) มีภาพยนตร์ไทยหลายเรื่องที่เลื่อนฉายจาก 1H64 มาเข้าโรงใน 2H64 ซึ่งคาดว่าจะได้รับความนิยมในต่างจังหวัด

คงประมาณการกำไรหลักปี 2564-65 เอาไว้ตามเดิม

ถึงแม้ว่าผลประกอบการใน 2Q64 จะมีแนวโน้มอ่อนแอ แต่เราเชื่อว่าผลประกอบการปี 2564 จะพลิกจากขาดทุนสุทธิ 527 ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิ 345 ล้านบาทได้ เนื่องจากผลการดำเนินงานน่าจะดีขึ้นใน 2H64 ในขณะเดียวกันเราคาดว่ากำไรสุทธิในปี 2565 จะเติบโตอย่างแข็งแกร่งเป็น 1.07 พันล้านบาท จาก
สถานการณ์ COVID-19 ที่คลี่คลายลงไป และมีโปรแกรมหนังเด็ดจากทั้งฮอลลีวู้ดและภาพยนตร์ไทยที่ค้างจากปีนี้ไปต่อคิวรอลงโรงฉาย

Valuation and action

เมื่ออิงตามประมาณการของเรา และปรับเพิ่ม PER เหมาะสมจากเดิม 21.2 เท่า (-0.25 S.D.) เป็น 23.6 เท่า (เท่ากับค่าเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลัง) เพื่อสะท้อนถึงแนวโน้มที่เป็นบวกมากขึ้นจากการเปิดเมือง ทำให้ราคาเป้าหมายปี 2565 ของเราเพิ่มขึ้นจากเดิม 25.25 บาท เป็น 28.25 บาท ดังนั้นเราจึงยังคงคำแนะนำ ซื้อ MAJOR

Risks

รายได้จากโรงภาพยนตร์ต่ำกว่าที่คาดไว้