หอการค้าไทยชง ‘ช้อปดีมีคืน’ ชี้ ‘ยิ่งใช้ยิ่งได้’ ไม่ตอบโจทย์

หอการค้าไทยชง ‘ช้อปดีมีคืน’ ชี้ ‘ยิ่งใช้ยิ่งได้’ ไม่ตอบโจทย์

หอการค้าไทยเปิดหน้าคุย “สุพัฒนพงษ์” ขอพิจารณาคนละครึ่งเพิ่มเป็น6,000 บาทต่อราย ชี้ยิ่งใช้ยิ่งได้ไม่ตอบโจทย์  ใช้ลำบาก ชง ปัดฝุ่น ช้อปดีมีคืน

หอการค้าไทย โดยนายสนั่น อังอุบลกุล ประธานหอการค้าไทย กำลังเร่งเครื่องทำงานภายใต้คอนเซ็ปต์  Connect the Dots ภารกิจ 99 วันแรก โดยมีภารกิจเร่งด่วนใน 3 ประเด็น คือ 1. การเร่งฉีดวัคซีน 2.เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจไทย ด้วย Digital Transformation เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุน 3.แก้ไขกฎระเบียบเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการดำเนินธุรกิจได้สะดวก (Ease of Doing Business)   เพื่อมุ่งไปสู่เป้าหมายการฟื้นเศรษกิจหลังโควิด 19  

ล่าสุดหอการค้าไทยยกทีมหารือผ่านระบบออนไลน์กับนายสุพัฒนพงษ์  พันธ์มีเชาว์  รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานใน 3 ภารกิจเร่งด่วนดังกล่าว และยังมีประเด็นสำคัญคือ  มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการคนละครึ่งเฟส 3 ซึ่งรัฐบาลทุ่มเงิน  93,000 ล้านบาท จ่ายเยียวยาคนละ 3,000 บาท ให้แก่ผู้มีสิทธิ์ราว 31 ล้านคน โดยโครงการนี้แบ่งซอยออกเป็น 2 ช่วงคือ ช่วงแรก ไตรมาส 3 (ก.ค.-ก.ย.)จำนวน 1,500 บาทและช่วงที่ 2 ไตรมาส 4 ( ต.ค.-ธ.ค. )1,500  บาท เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนออกมาจับจ่ายใช้สอยเพิ่มขึ้น

162339403213

แต่วงเงิน 3 พันบาทที่ให้กับประชาชน ยังมีความเห็นต่างจากหอการค้าไทย ที่เห็นว่า รัฐบาลควรเพิ่มเงินไปเป็นคนละ 6,000 บาท  โดยในเรื่องนี้ได้นำเสนอต่อนายสุพัฒนพงษ์ให้พิจารณาทบทวน ซึ่งนายสนั่น ให้เหตุผลว่า  โครงการคนละครึ่งควรต้องเพิ่มวงเป็น 6,000 บาทต่อราย ซึ่งจะมีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มจาก 9 หมื่นล้านบาท เป็น  1.8 แสนล้านบาท เรื่องนี้ทางนายสุพัฒนพงษ์ก็รับไปพิจารณา จะขอประเมินหลังจากที่เฟส 3 เริ่มแล้ว และสามารถที่จะเติมเงินเพิ่มได้ในระหว่างนี้

นอกเหนือจากโครงการคนละครึ่งแล้วทางหอการค้าไทยได้ขอให้ทางรัฐบาลพิจารณาโครงการ  "ยิ่งใช้ยิ่งได้"  หรือ e-Voucher ที่ให้แก่ผู้ที่ได้รับสิทธิ์โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ นำไปใช้จ่ายซื้อสินค้าค่าอาหารเครื่องดื่ม และค่าบริการต่างๆ กับผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) โดยจะให้ในมูลค่า 5,000-7,000 บาทต่อคนต่อวัน นั้น  ทางภาคเอกชนมองว่า เป็นโครงการที่ใช้ลำบาก เพราะวิธีการใช้สิทธิโครงการดังกล่าว ผู้มีสิทธิจะต้องชำระเงินผ่าน G-Wallet บนแอพฯ เป๋าตัง เพื่อซื้อสินค้าและบริการกับผู้ประกอบการร้านค้าที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ซึ่งทางฝั่งผู้ประกอบการร้านค้าเอง ก็จะต้องติดตั้งแอพฯ ถุงเงิน เพื่อร่วมโครงการนี้ด้วย สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับการสนับสนุน e-Voucher จากภาครัฐช่วง ก.ค.-ก.ย.2564 เพื่อใช้จ่ายเดือน ส.ค.-ธ.ค.2564 จะมีการใช้จ่ายคนละ 60,000 บาท

“โครงการนี้หอการค้าไทยมองว่า น่าจะไม่สะดวกต่อการใช้จ่ายของประชาชน  ควรจะนำโครงการช้อปดีมีคืน ที่เคยดำเนินการมาก่อนหน้านี้นำมาใช้ใหม่น่าจะสะดวกกว่า  โดยมองว่า คนที่มีกำลังซื้อจะใช้โครงการนี้ได้ดีกว่า e-Voucherและ ทางรัฐเองก็ไม่ต้องใช้งบประมาณลงไปในปีนี้แต่ไปเก็บภาษีน้อยลงในปีหน้า”

อย่างไรก็ตามในเรื่องนี้นายสุพัฒนพงษ์บอกกับทางหอการค้าไทย โครงการนี้ทำให้รัฐบาลจัดเก็บภาษีได้น้อยลง แต่ก็ยังไม่ปิดโอกาสในการทบทวนโครงการดังกล่าว โดยจะขอดำเนินการโครงการ  "ยิ่งใช้ยิ่งได้" ไปสักพักหนึ่งก่อนหากว่าประเมินแล้วโครงการนี้คนใช้ไม่เท่าไร ไม่สามารถกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนได้ก็อาจจะกลับมาทบทวนอีกครั้ง 

การหารือกันครั้งนี้หอการค้าไทยได้ตอกย้ำความเห็นต่อโครงการคนละครึ่งและโครงการ  "ยิ่งใช้ยิ่งได้"ที่เคยพูดในหลายเวทีมาแล้วและครั้งนี้ก็ได้หารือโดยตรงกับนายก”สุพัฒนพงษ์”  ซึ่งรัฐบาลก็พร้อมที่จะรับความฟังความเห็นจากภาคเอกชนเพื่อนำไปพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง