โควิดรอบ 3 ทุบเศรษฐกิจสูญ 8 แสนล้าน

มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินความเสียหายจากโควิดระลอก 3 อยู่ที่ 5-8 แสนล้านบาท ส่วนความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพฤษภาคมปรับตัวลดลงต่ำสุดรอบ 22 ปี 8 เดือน จากความกังวลสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคจะระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอย

อธิการบดี และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ธนวรรธน์ พลวิชัย ประเมินว่าความเสียหายทางเศรษฐกิจจากการระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 อยู่ที่ประมาณ 5-8 แสนล้านบาท หากสถานการณ์การระบาดเริ่มคลี่คลายจากการกระจายฉีดวัคซีนมากขึ้นภายในเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม

ทั้งนี้ สิ่งที่ภาคเอกชนอยากให้รัฐบาลทำคือเร่งอัดฉีดงบประมาณฟื้นฟูประเทศโดยการเพิ่มเม็ดเงินโครงการคนละครึ่งให้เข้ามาพยุงกำลังซื้อไตรมาสที่ 2-3 โดยพิจารณาเพิ่มวงเงินสนับสนุนการใช้จ่ายจาก 3,000 บาทเป็น 6,000 บาท ซึ่งจะช่วยให้มีเม็ดเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นจาก 9 หมื่นล้านบาท เป็น 1.8 แสนล้านบาท เมื่อรวมเม็ดเงินของประชาชนที่นำออกมาใช้จ่ายคู่กับเม็ดเงินจากโครงการคนละครึ่ง 

สำหรับผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในเดือนพฤษภาคม 2564 ปรับตัวลดลงระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 272 เดือนหรือ 22 ปี 8 เดือนนับตั้งแต่ทำการสำรวจในเดือนตุลาคม 2541 เป็นต้นมา เนื่องจากมีความกังวลในสถานการณ์การแพร่ระบาดของในประเทศไทยในรอบที่ 3 ประกอบกับความกังวลในสถานการณ์ทางการเมืองที่มีเสถียรภาพน้อยลงและการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนที่ล่าช้าส่งผลให้ผู้บริโภครู้สึกว่าเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัวขึ้นมากนักและขาดแรงกระตุ้นในการฟื้นตัว แม้ว่ามาตรการของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะโครงการ ‘เราชนะ’ และโครงการต่างๆ จะมีส่วนช่วยกระตุ้นกำลังซื้อให้ปรับตัวดีขึ้นทั่วประเทศในระดับหนึ่งแล้วก็ตาม  

การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวลดลงอีกครั้งท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของโควิดรอบใหม่ แสดงว่าผู้บริโภคยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์โควิดในประเทศไทยและในโลกว่าจะส่งผละกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ส่งผลให้ผู้บริโภคจะระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอยในช่วงนี้ อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามของการฉีดวัคซีนทั่วประเทศในเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป การแพร่กระจายของโควิดรอบที่ 3 ว่าจะลดลงหรือไม่ และรัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในอนาคตมากน้อยเพียงใด จะมีผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในอนาคตได้  และอาจส่งผลให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้ขยายตัวใกล้เคียง 2% ได้