GLOBAL - ซื้อ (10 มิ.ย.64)

GLOBAL - ซื้อ (10 มิ.ย.64)

SSSG สูงมาก

Event

อัพเดตแนวโน้มบริษัท

Impact

คาดว่า SSSG จะโตได้ในระดับสองหลักใน 2Q64

เราคาดว่า SSSG ของ GLOBAL จะสูงถึงกว่า 30% YoY ในเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2564 เนื่องจาก i) ผลของฐานที่ต่ำ และ ii) รายได้ภาคเกษตร และราคาเหล็กเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ฐานที่ต่ำในเดือนเมษายน 2563 เป็นเพราะมีการปิดสาขาร้านชั่วคราวประมาณ 50% ของสาขาร้านทั้งหมดเนื่องจาก
สถานการณ์ COVID-19 ดังนั้น SSSG ในเดือนเมษายนจึงน่าจะโตได้อย่างแข็งแกร่งถึงกว่า 50% YoY และ SSSG ยังน่าจะแข็งแกร่งต่อเนื่องในเดือนพฤษภาคม เนื่องจากประมาณ 30% ของสาขาร้าน GLOBAL ทั้งหมดยังคงปิดอยู่ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2563 ในขณะเดียวกัน สำนักงานเศรษฐกิจ
การเกษตรรายงานว่ารายได้ภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 1% YoY ในเดือนเมษายน 2564 (Figure 1) คิดเป็นการเติบโตประมาณ 5% YoY ในช่วง 4 เดือนแรกของปี โดยราคาสินค้าเกษตร (ข้าวเปลือก/ยาง/ปาล์ม) ยังคงอยู่ในระดับสูง (Figure 2 – Figure 4) โดยราคาข้าวเปลือกอยู่ที่ 8,700 บาท/ตัน (-6% YoY), ราคายางอยู่ที่ 58.30 บาท/ตัน (+66% YoY) และราคาปาล์มอยู่ที่ 5.40 บาท/กก. (+87% YoY) ซึ่งเมื่ออิงตามปัจจัยเหล่านี้ เราคาดว่า SSSG ของ GLOBAL ใน 2Q64 น่าจะอยู่ที่ประมาณ +30% YoY

อัตรากำไรน่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ถึงแม้ว่าผู้บริหารจะตั้งเป้าจะเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นให้ได้ประมาณปีละ 30-40 bps แต่เราคิดว่า GPM ปีนี้ น่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่าเป้าของผู้บริหาร โดย GPM ของ GLOBAL ใน 1Q64 อยู่ที่ 25.5% (เพิ่มขึ้นจาก 23.9% ในปี 2563 และสูงกว่าสมมติฐานปีนี้ของเราที่ 24.8%) และเราคาดว่า GPM ใน 2Q64 อาจจะอยู่ระดับเดียวกับใน 1Q64 เนื่องจากราคาเหล็กเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ จาก Figure 5 –Figure 6 จะเห็นว่าราคาเหล็ก QTD เพิ่มขึ้นเฉลี่ยประมาณ 100% YoY และคาดว่าราคาเหล็กในตลาดโลกจะสูงขึ้นต่อเนื่องไปจนถึง 3Q64 เป็นอย่างน้อย ดังนั้น GPM ใน 2Q64 จึงอาจจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับใน 1Q64 ส่งผลให้กำไรสุทธิใน 2Q64 โตถึง ~60% YoY และทำให้สมมติฐาน GPM ปีนี้ของเรามี upside อีก (GPM ที่เพิ่มขึ้นทุก ๆ 1% จะทำให้ประมาณการกำไรของเรามี upside ~10%)

Valuation & action

เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” และประเมินราคาเป้าหมายสิ้นปี 2565 ที่ 27.00 บาท อิงจาก PER ที่ 38.0x(เท่ากับค่าเฉลี่ยระหว่าง GLOBAL และ Home Product Center (HMPRO.BK/ HMPRO TB)* +1.5 S.D.)

Risks

เศรษฐกิจชะลอตัวลง, ขยายสาขาใหม่ได้น้อยกว่าที่วางแผนไว้, ราคาพืชผลอ่อนแอ, ภัยธรรมชาติ, สินค้าคงคลังเพิ่มขึ้น