ผันผวนกรอบแคบ เลือกเก็งกำไรรายตัวระหว่างรอเงินเฟ้อและประชุมเฟด

ผันผวนกรอบแคบ เลือกเก็งกำไรรายตัวระหว่างรอเงินเฟ้อและประชุมเฟด

จับตาการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ

ตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐฯ ยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบก่อนการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อ (10 มิ.ย.) และการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (15-16 มิ.ย.) อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ แกว่งตัวลงใกล้ 1.53% จากผลการประมูลพันธบัตรที่แสดงถึงความต้องการในระดับที่ดี และเป็นการส่งสัญญาณว่าตลาดเองตอบรับกับความเสี่ยงเรื่องตัวเลขเงินเฟ้อในระยะสั้น (ตลาดคาดสหรัฐฯ จะรายงานเงินเฟ้อ พ.ค.ที่ 4.7%) ไปพอสมควรแล้ว อย่างไรก็ตามการฟื้นทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่เร็วกว่าตลาดเกิดใหม่ รวมถึงการที่สภาคองเกรสผ่านกฎหมายในการยกระดับความสามารถในการแข่งขันโดยมีวัตถุประสงค์แข่งขันกับจีน ทำให้มีความเสี่ยงในเชิงเคลื่อนย้ายเงินทุนที่ต้องจับตา

ระวังแรงทำกำไรในกลุ่มโภคภัณฑ์ การเร่งฉีดวัคซีน ทำให้มุมมองการลงทุนในช่วงครึ่งปีหลังของภาพเศรษฐกิจในประเทศมีโอกาสฟื้นตัวจากการเปิดเมือง ประกอบกับส่วนต่างราคาปิโตรเคมีล่าสุด ลดลงเมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน (wow) IVL: PTA/PET spread -2.2% / SCC: HDPE spread -3.9% / IRPC: PP spread -3% / PTTGC: ราคา HDPE ทรงตัว ส่งผลให้เราเห็นการหมุนกลุ่ม (rotation) จากหุ้นในกลุ่มได้ประโยชน์จากความต้องการภายนอก (External demand) มายังหุ้นเกี่ยวกับการเปิดเศรษฐกิจในประเทศ รวมถึงหุ้นบริโภคภายในประเทศ อาทิ CPN, CRC, MAJOR, SPA, M, ZEN, AWC, SHR, CENTEL, MINT, ERW, ADVANC, BDMS // สำหรับกลุ่มโภคภัณฑ์เรายังชอบหุ้นพลังงาน และสำหรับปิโตรเคมี เน้นตั้งรับเมื่ออ่อนตัวเนื่องจากในระยะสั้นอาจได้รับผลกระทบจากทั้งการเปลี่ยนกลุ่ม และราคาต้นทุนที่จะสูงขึ้นจากการเพิ่มของราคาน้ำมันดิบ

EGCO ปรับลดคำแนะนำลงเป็นถือ โดยเราปรับประมาณการลงสะท้อนปัจจัยเสี่ยงจาก 1) ความเสี่ยงด้านต้นทุนจากราคาถ่านหินและก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มขึ้น 2) สถานการณ์ระบาดโควิดทำให้ความต้องการใช้ไฟของโรงไฟฟ้าในต่างประเทศลดลง และ 3) รายได้ของธุรกิจที่มาจากไฟฟ้าถ่านหิน ทำให้มีความเสี่ยงเกี่ยวกับเกณฑ์ความยั่งยืน (ESG) ซึ่งทำให้นักลงทุนสถาบันอาจปรับลดน้ำหนักลงทุนลง ในกลุ่มโรงไฟฟ้าใหญ่ เราชอบ RATCH มากกว่า

กลยุทธ์ยังเน้นเลือกเก็งกำไรรายตัวในธีมที่น่าสนใจ ได้แก่ 1) กลุ่มพลังงาน ปิโตรฯ PTT, PTTGC, IVL, IRPC 2) อาหารและเกษตร TVO, CPI, TU, CPF 3) ได้ประโยชน์จากเราชนะ TNP และ KK เนื่องจากเป็นร้านค้าธงฟ้า 4) การขายประกันโควิด บวกต่อ THRE, TIP, TQM 5) ปันผลและกองรีทส์ ADVANC, BTSGIF, CPNREIT, AIMIRT, FTREIT, EASTW, WHAUP, TTW, TIP 6) เก็งกำไรกลุ่มดิจิตัลทีวี BEC, WORK, MONO, JKN 7) หุ้นกลุ่มเหล็ก TSTH, GJS, AMC 8) กลุ่มโลจิติกส์ที่มีสัญญาณระยะสั้นเป็นบวก SONIC, NCL 9) หุ้นกลุ่มเรือ TTA, PSL, RCL

ภาพรวมกลยุทธ์ แกว่งตัว 1606- 1630 จุด c]tมีโอกาสผันผวน ก่อนการประชุมเฟด 15-16 มิ.ย. เน้นเก็งกำไรเชิงตั้งรับ เลือกเก็งกำไรรายตัว ในหุ้นที่มีปัจจัยบวกและที่ยังปรับขึ้นน้อย // หุ้นแนะนำวันนี้ เก็งกำไร AWC*, LANNA*, KEX*, ADVANC*

แนวรับ: 1,606 / แนวต้าน : 1,627 จุด สัดส่วน : เงินสด 60% : พอร์ตหุ้น 40%

ประเด็นการลงทุน

ธนาคารโลกปรับเพิ่มประมาณการ GDP โลกขึ้นสู่ 5.6%. ปรับเพิ่มจากเดือน ม.ค. ที่คาดโต 4.1% ซึ่งจะเป็นการขยายตัวที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 80 ปี โดยได้รับแรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ รวมทั้งการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจจีน

BTS. นัดคุย กทม.สัปดาห์หน้า เคลียร์ภาระหนี้ 3 หมื่นลบ. เสนอเก็บค่าโดยสารสายสีเขียวเหนือ-ใต้ เพื่อให้รัฐมีเงินมาจ่ายค่าจ้าง BTS ส่วนเรื่องต่อสัมปทานสายสีเขียว 30 ปี ยันไม่กังวล เหตุยังเหลือสัญญาเก่าอีก 8 ปี ขณะที่ส่วนต่อขยาย 1-2 สัญญาจ้างเดินรถถึงปี 85 คาดเปิดบริการสายสีเหลือง ธ.ค. นี้ ประเมินผู้โดยสาร 2 แสนเที่ยวต่อวัน

RICH. กลต.กล่าวโทษบอร์ด-ผู้บริหาร RICH รวม 11 รายต่อดีเอสไอ กรณีฟอกเงิน-ตกแต่งบัญชี เป็นเหตุให้ RICH เสียหายกว่า 1,159 ลบ. พร้อมส่งดำเนินคดีฐานฟอกเงินแก่ ปปง.

SUPER. จอมทรัพย์ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ขายบิ๊กล็อต 1,020 ล้านหุ้น มูลค่าเกือบพันลบ. หรือ 3.7% ให้กองทุนต่างประเทศ ย้ำยังมีสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ 37%

ADVANC. ประกาศเป็น Exclusive กับแพลตฟอร์ม Disney+Hotstar จัด Pre-Sale เสนอโปรราคาพิเศษ 35 บาทต่อเดือน นาน 12 เดือน หวังให้บริการลูกค้าที่อยู่ในมือกว่า 42.7 ล้านราย

การปรับหุ้นในดัชนี FTSE SET. FTSE SET Large Cap Index (+) เข้า : KTC และ OR (-) ออก : EGCO และ TRUE // FTSE SET Mid Cap Index (+) เข้า : BEC, DCC, EGCO, JMART, KEX, PTL, PSL, RBF, RCL, SAK, STARK, TTA และ TRUE (-) ออก : KTC โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย. 64 เป็นต้นไป

หุ้น Turnover list ที่มีโอกาสติดเกณฑ์ Cash balance ได้แก่ 7UP, KISS, NRF, U, BWG

ประเด็นติดตาม: - 10 มิ.ย.: ECB Meeting, OPEC Monthly Reports, US CPI เดือน พ.ค. / 16 มิ.ย.: FOMC Meeting

(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)