รอดจากวิกฤติด้วย Resilience Strategy

รอดจากวิกฤติด้วย Resilience Strategy

ทำความรู้จัก "ยุทธศาสตร์สร้างความยืดหยุ่น" (Resilience Strategy) การบริหารจัดการวิกฤติอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะภัยจากโรคอุบัติใหม่อย่างโควิด-19 ที่จะทำให้สามารถรับมือกับความเสี่ยงและการเปลี่ยนแปลงได้

ปีกว่าที่ผ่านไปเราเห็นได้ว่าโควิด-19 คือความไม่แน่นอนที่จู่โจมทั้งคน ทั้งธุรกิจ และประเทศต่างๆ ชนิดที่ว่าตั้งตัวไม่ทันกันมากมาย วิกฤตการณ์โรคอุบัติใหม่อย่างกรณีโควิด-19 จึงทำให้ประเทศต่างๆ รวมทั้งประเทศไทยเองต้องกลับมาคิดทบทวน หาทางรอด ไม่ใช่พากันล้มทับกันไป แต่ต้องช่วยกันพยุง หรือถ้าจะล้มจะเซบ้างก็ต้องลุกให้เร็ว หรือเรียกว่าต้องมี “ยุทธศาสตร์สร้างความยืดหยุ่น” (Resilience Strategy) รับมือกับความเสี่ยงและการเปลี่ยนแปลงให้ได้ เราถึงจะรอด

Resilience หมายถึง ความสามารถของระบบ ชุมชน หรือสังคมที่เผชิญกับภัยอันตราย จะสามารถต่อต้าน ดูดซับ จัดการและฟื้นตัวจากผลกระทบของอันตรายได้ทันเวลาและมีประสิทธิภาพ หรือเราอาจพูดภาษาง่ายๆ ได้ว่า เมื่อเจอภัย เราต้องรอด หรือถ้าเราล้ม เราก็ต้องลุกขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

การบริหารจัดการวิกฤติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภัยจากอุบัติใหม่อย่างโควิด-19 ให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จำเป็นต้องมีการออกแบบเชิงระบบ นำกลไกใหม่เข้ามาใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยียุคใหม่ โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีอัจฉริยะ (Smart Technology) ระบบข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เพื่อวางแนวทางป้องกัน ฟื้นฟู และเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ เราจำเป็นต้องใช้ข้อมูลมาช่วยตัดสินใจและสร้างการเปลี่ยนแปลงด้วย “นโยบายบนฐานของข้อมูล” (Data Driven Policy) ตลอดจนให้ความสำคัญกับการร่วมสร้างจิตสำนึกของประชาชนเพื่อให้ร่วมฝ่าวิกฤติไปด้วยกัน ควบคู่ไปกับการจัดสร้างองค์ความรู้ในการจัดการวิกฤตการณ์ในทุกระดับ

การออกแบบเมือง ออกแบบประเทศ ให้เป็นเมืองปลอดภัยสามารถรองรับกับสถานการณ์หรือภัยต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น จึงไม่ใช่แค่เพียงการออกแบบสิ่งก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานเท่านั้น หากแต่เป็น “การออกแบบเชิงระบบ” เพื่อให้คนทุกคนในสังคม แม้แต่คนที่เปราะบางที่สุด ไม่ว่าจะเป็นคนป่วย คนจน คนชรา ผู้พิการ ผู้อยู่เพียงลำพัง ก็ได้รับความปลอดภัยในยามเกิดเหตุฉุกเฉินเช่นนี้ได้ ซึ่งหากประเทศเราไม่มียุทธศาสตร์การบริหารจัดการที่ดี ยืดหยุ่น รวดเร็ว ตอบสนองได้ทันกับสถานการณ์ เราก็อาจแก้ปัญหาหนึ่งแต่เกิดอีกปัญหาหนึ่ง ประชาชนก็จะเสี่ยง ประเทศก็จะเสี่ยง แถมกลายเป็นเกิดวิกฤติซ้อนวิกฤติ

อย่างไรก็ดี ความสามารถของเมืองและประเทศในการตอบสนองต่อวิกฤตการณ์ให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ระบบเตือนภัย การฟื้นฟูเยียวยานั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย อาทิ ระบบโครงสร้างพื้นฐาน ระบบเทคโนโลยีและสารสนเทศ (ICT) ระบบเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ระบบข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และอินเทอร์เน็ตแห่งสรรพสิ่ง (Internet of Things : IoT) เพื่อรับส่งข้อมูล ประมวลผลวิเคราะห์ และกระจายข้อมูลอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ในเวลาสั้นๆ เป็นสิ่งจำเป็น อาทิ งานบริการฉุกเฉิน บริการสาธารณสุข หน่วยงานด้านคมนาคมขนส่ง ผู้ให้บริการด้านพลังงาน

ตัวอย่างระบบเทคโนโลยีระบบอัจฉริยะต่างๆ เข้ามามีบทบาทในสถานการณ์ฉุกเฉิน เช่น ระบบการรวบรวมข้อมูลสารสนเทศ ระบบการสื่อสารดาวเทียม การวิเคราะห์ข้อมูลและการตัดสินใจ (Data Analysis & Decision-Making) เช่น ระบบการเตือนภัยต่างๆ กระบวนการในการจัดทำข้อมูลขนาดใหญ่ อาทิ Big data, cloud services รวมไปถึง Web Portal เว็บไซต์ที่ใช้ในการเผยแพร่การสื่อสารอย่างเป็นทางการ ระบบการเตือนภัยล่วงหน้าของประเทศ ระบบการประสานงานฉุกเฉิน เว็บไซต์บรรเทาทุกข์ การพัฒนาเครือข่ายที่ยืดหยุ่น การให้บริการและโซลูชั่นที่มีประโยชน์ในระหว่างเกิดภัย เป็นต้น

การปรับตัวให้เท่าทันวิกฤตการณ์เป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างมาก การนำนวัตกรรมเข้ามาช่วยเป็นแนวทางในการดำเนินการที่จำเป็นต้องเร่งดำเนินการวางแผนและพัฒนา ซึ่งเป็นไปได้ทั้งนวัตกรรมเชิงเทคโนโลยี และนวัตกรรมเชิงพฤติกรรม หากเป้าหมายคือการทำให้เกิด Resilience อย่างเป็นรูปธรรม 

ประเทศไทยจำเป็นต้องมีแพลตฟอร์มเพื่อพัฒนานโยบายและข้อริเริ่มใหม่แบบมีส่วนร่วม (Co-creation platform) เพื่อสานพลังจากทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อน จะให้เกิดผลสำเร็จขึ้นจริง และเรียนรู้ไประหว่างทางด้วยกัน ช่วยเร่งทำให้นโยบายเกิดผลและนำไปสู่การขับเคลื่อนได้อย่างรวดเร็วขึ้น

เส้นทางข้างหน้าอีกยาวไกล และเราไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าจะเป็นเช่นไร เส้นทางแห่งอนาคตบนวิถีแห่งความไม่แน่นอน จึงเป็นเสมือนบทพิสูจน์ความแข็งแกร่งของผู้คนทั้งทางร่างกายและจิตใจ มันอาจไม่ง่ายที่เราจะยังคงก้าวเดินต่อไป ในความรู้สึกของบางคนเหมือนเดินอยู่อย่างโดดเดี่ยวเสียด้วยซ้ำ ตราบใดที่เรายังมีชีวิต เราก็ยังคงต้องก้าวเดินต่อไป เราอาจเหนื่อย เราอาจท้อ เราอาจล้มบ้าง แต่เราก็ต้องลุกและไปต่อ จะเริ่มเดินอีกครั้งช้าเพียงใดก็ไม่เป็นไร ขอให้เรายังคงเดินหน้าไปด้วยกัน