'เฟทโก้' หวังฉีดวัคซีน-เปิดประเทศตามแผน ดันหุ้นไทยปี65ทะลุ1,800จุด

 'เฟทโก้' หวังฉีดวัคซีน-เปิดประเทศตามแผน ดันหุ้นไทยปี65ทะลุ1,800จุด

 “เฟทโก้”คาดรัฐบาลเดินหน้าฉีดวัคซีน-เปิดประเทศได้ตามแผน  หนุนหุ้นไทยปี65พุ่งทะลุ 1,800 จุด พร้อมทบทวนเป้าดัชนีปีนี้ จากที่คาด1,650จุด ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน 3เดือนข้างหน้าเพิ่มขึ้น เหตุหวังวัคซีน ตลท.ประเมิน ครึ่งหลังปีนี้หุ้นไทยมีแนวโน้มดี

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย หรือ FETCO เปิดเผยว่า คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยในปี2565 มีโอกาสกลับไประดับเดียวกับปี 2561 ที่ 1,800 จุดได้ หากรัฐบาลการกระจายและฉีดวัคซีน รวมถึงการเปิดประเทศเพื่อที่จะรับ         นักท่องเที่ยวต่างประเทศได้ตามแผน 

ทั้งนี้แผนกระจายวัคซีนโควิด-19 ไปให้ถึง 70%ของประชากรเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่นั้น อาจขลุกขลักบ้าง นับเป็นความท้าทายในหลายประเทศ  ซึ่งจะต้องติดตามการจัดหาวัคซีนในเดือน ก.ค. นี้ถึงจำนวน10 ล้านโดสก่อน และถึง100ล้านโดสภายในสิ้นปีนี้ โดยฉีดวัคซีนให้กับประชาชนได้ครบ 50ล้านคนตามเป้าของรัฐบาลหรือไม่ ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่ารัฐบาลจะสามารถทำได้ตามแผนที่วางไว้ 

"ส่วนตัวยังเชื่อว่า รัฐบาลสามารถทำตามแผนที่วางไว้ได้ รวมถึงคุมการระบาดรอบนี้ หรือหลังจากนี้ได้ แต่ยังต้องรอดูผลภาคปฏิบัติว่าทำได้แค่ไหน เพื่อประเมินระยะข้างหน้า”

สำหรับดัชนีหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลังปีนี้ ยังปรับตัวขึ้นแต่จะไม่มาก เพราะยังต้องติดตามการฉีดวัคซีนและการเปิดประเทศได้ตามแผนหรือไม่ โดยมีเป้าหมายดัชนีที่ 1,600-1,650 จุด และสิ้นปี2564 มีโอกาสแตะ1,650 จุด แต่อาจทบทวนเป้าหมายดัชนีปี 2564 อีกครั้งหากภาพการฉีดวัคซีนชัดเจน

      

           

นายไพบูลย์ กล่าวว่า ผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (เดือน ส.ค. 64) อยู่ที่ระดับ 126.40 เพิ่มขึ้น 1.6%จากสำรวจเดือนก่อนหน้า ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ “ร้อนแรง” (ช่วงค่าดัชนี 120 -159)เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังแผนการฉีดวัคซีนเพื่อให้การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลาย ,การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศและการไหลเข้ามาของเงินลงทุน  ขณะที่ปัจจัยลบที่กดดันความเชื่อมั่นคือ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก3ในไทย ความขัดแย้งระหว่างประเทศ และการผลประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)

 “ความเชื่อมั่นของนักลงทุนเพิ่มขึ้น เพราะขณะนี้หลายประเทศฉีดวัคซีน แม้ว่าเฟดลดปริมาณคิวอีลง แต่สภาพคล่องในระบบถือว่ายังมีอยู่มาก จึงจะยังเห็นเงินทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ไหลกลับเข้ามาในตลาดประเทศเกิดใหม่และไทยอย่างต่อเนื่อง”  

นายไพบูลย์ กล่าวว่า มาตรการเพิ่มเติมที่รัฐบาลควรจะออกมาสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย สามารถใช้มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ที่เป็นมาตรการที่รัฐบาลใช้เงินน้อย แต่ได้ประสิทธิผลกระตุ้นการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นมาก  อย่างเช่น อีเวาเชอร์ ช้อปดีมีคืน ซึ่งมาตรการดังกล่าวสามารถนำมาใช้ควบคู่กับมาตรการเยียวยา  รวมถึงการสนับสนุนเม็ดเงินลงทุนภาครัฐในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ยังจำเป็นต้องผลักดันออกมาใช้ต่อเนื่อง  

ทั้งนี้จะทำให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้ปรับตัวดีกว่าปัจจุบัน ตามที่หลายสำนักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2% ถือว่าค่อนข้างต่ำมาก เมื่อเทียบหลายประเทศในโลกที่เศรษฐกิจฟื้นตัวจากเริ่มฉีดวัคซีนโควิด-19 

นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งปีหลัง เพราะคาดหวังว่าการกระจายวัคซีนป้องกันโควิด-19 จะส่งผลให้ประเทศไทยเริ่มกลับมาเปิดประเทศ ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องให้ภาคการท่องเที่ยวซึ่งเป็นหนึ่งในตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักกลับมาฟื้นตัว และคาดว่าจะส่งผลบวกต่อหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวในท้ายที่สุด

ทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯ จัดทำข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนหุ้นขนาดกลาง (mSET) เพราะเป็นกลุ่มหุ้นที่ให้ผลตอบค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับความเสี่ยงจากการลงทุน โดยพบว่าผลตอบแทนบางช่วงเวลาหวือหวากว่าการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ แต่ในปีที่มีความผันผวนผลตอบแทนกลับปรับตัวลงไม่มากเท่าการลงทุนในหุ้นขนาดเล็ก