CKP - ซื้อ (4 มิ.ย.64)

CKP - ซื้อ (4 มิ.ย.64)

ลุ้นกำไรพันล้านบาทใน 2Q

ปริมาณน้ำที่ XPCL ยังคงเพิ่มขึ้นในเม.ษ. – พ.ค. หนุนโดยการปล่อยน้ำจากเขื่อนของจีนเพื่อรองรับปริมาณน้ำฝนในฤดูฝน เราคาดว่ากำไร 2Q21F อาจแตะระดับสูงใหม่ที่ 1.0พั นลบ. เทียบกับขาดทุนสุทธิ 95ลบ. ใน 2Q20 เราปรับคาดการณ์กำไร FY21F และ FY22F ขึ้น 69% และ 25% ตามลำดับสู่ 2.42 พันลบ. และ 1.99 พันลบ. ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น ซื้อ พร้อมปรับราคาเป้าหมายสู่ 6.50 บาทต่อหุ้น (จากเดิม 5.00บาท)

 

กำไร 2Q อาจสร้างระดับสูงสุดใหม่

ปริมาณน้ำที่เขื่อนไซยะบุรี (XPCL) เพิ่มขึ้น 51% yoy ใน เม.ษ. สู่ 2,690 CMS และยังคงเพิ่มขึ้นใน พ.ค.อีก 100%yoy สู่ 3,600 CMS หนุนจาก หนุนโดยการปล่อยน้ำจากเขื่อนของจีนเพื่อรองรับปริมาณน้ำฝนในฤดูฝน ปริมาณน้ำที่เขื่อน XPCL เทียบเท่าอัตราการผลิตประมาณ 64% และ 86% ใน เม.ษ.และ พ.ค. หากอัตราการผลิตไฟฟ้าที่ XPCL ใน มิ.ย.อยู่ที่ 86% ระดับเดียวกับใน เม.ษ. เราคาดว่า XPCL จะผลิตไฟฟ้าได้ราว 2,110 GWh และอาจสร้างส่วนแบ่งกำไรถึง 850 ลบ.ใน 2Q21F ส่วนที่โรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 (NN2) บริษัทประกาศค่ากำลังการผลิตไฟฟ้าเบื้องต้น 510 GWh ใน 2Q คิดเป็นส่วนแบ่งกำไรราว 60 ลบ. ทั้งนี้หากเราคาดว่าการผลิตไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้า BIC และ BKC ใน 2Q21 จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับระดับเฉลี่ย 1Q21 เราคาด CKP จะบันทึกกำไรสุทธิ 1.0 พันลบ. จากการดำเนินงานใน 2Q21F เทียบกับขาดทุนสุทธิ 95 ลบ. ใน 2Q20

 

เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น XPCL สู่ 42.5% จากเดิม 37.5%

CKP จะเข้าซื้อหุ้น 5.0% ของ XPCL จาก PT Sole Company Limited รวมมูลค่า 1,827 ลบ. ดีลจะแล้วเสร็จใน 3Q และทำให้ equity MW ของ CKP เพิ่มขึ้น 6.8% หรือ 64MW สู่ 1,003MW และบริษัทจะถือหุ้น XPCL เพิ่มขึ้นเป็น 42.5%

 

ปรับคำแนะนำเป็น ซื้อ และปรับราคาเป้าหมายสู่ 6.50 บาท (จาก 5.00 บาท)

เราปรับคาดการณ์กำไร FY21F และ FY22F ขึ้น 69% และ 25% ตามลำดับสู่ 2.42พันลบ. และ 1.99 พันลบ. จากสมมติฐานอัตราความสามารถในการผลิตไฟฟ้า (capacity factor) และส่วนแบ่งกำไรที่สูงขึ้นจากXPCL เราปรับค่า capacity factor ที่ XPCL สำหรับปี FY21F และ FY22F จาก 60% และ 61% สู่ 70% และ 64% ตามลำดับ ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น ซื้อ และราคาเป้าหมายสู่ 6.50 บาท