ธุรกิจทองคำและจิวเวลรี่ ในเขตEEC ยุคโควิด-19

ถึงจะยังมีโรงงานอุตสาหกรรมมากมาย มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย และยังเป็นแหล่งปลูกผลไม้ชื่อก้องโลก ประชากรมีรายได้ต่อหัวสูงสุด มีกำลังซื้อมหาศาล ธุรกิจต่างๆไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีกหลายแห่งต้องปิด ต้องพักหรือเลิกกิจการ เพราะมาตรการยับยั้งการระบาดของโควิด-19

ธุรกิจค้าทองคำและจิวเวลรี่ในเขตพื้นที่EEC ก็โดนพิษโควิด-19 เล่นงานอย่างสาหัสเช่นกัน กำลังซื้อหดหาย ช่วงแรกของการระบาดอาจจะมีรายได้จากการที่ลูกค้านำทองคำและเครื่องประดับมีค่ามาขายฝากเพิ่มขึ้น แต่เป็นเพียงชั่วคราวไม่นานก็มาตัดขายขาด จากนั้นรายได้ร้านทองและจิวเวลรี่ก็ตกต่ำลงเรื่อยๆ วิกฤติโควิด-19 ยังไม่มีใครรู้ว่าประเทศไทยจะชนะเมื่อไหร่ อีกกี่เดือนกี่ปี ยิ่งนานกำลังซื้อยิ่งหด การแข่งแย่งลูกค้ายิ่งรุนแรง ร้านทองและจิวเวลรี่จะบริหารจัดการกันอย่างไร?

บริหารจัดการอย่างไร..ให้อยู่รอด ทุกปัญหาย่อมมีทางออก โดยสามารถจำแนกทางรอดของธุรกิจค้าทองและจิวเวลรี่ ออกเป็น2กลยุทธ์

1. ยืนหยัดอย่างอดทน เป็นสไตล์บริหารจัดการของเถ้าแก่ร้านทองตู้แดง เมื่อรายได้หดต้องลดรายจ่าย เช่นลดพนักงาน ลดสต๊อกสินค้า ค่าของแจกแถม ฯลฯแล้วอดทนรอจนพ้นวิกฤติโควิด กลยุทธ์นี้เหมาะกับผู้บริหารที่อาวุโส มีสายป่านยาวทุนหนา แม้กิจการจะไม่โตแต่ก็ยังมั่งคง เพราะสินค้าทองคำและจิวเวลรี่ไม่มีวันหมดอายุหรือเสื่อมค่า และยามเกิดวิกฤติมักมีมูลค่าสูงขึ้นด้วย

2. ก้าวไกลอย่างเท่าทัน เป็นการจัดการ โดยใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ นำเสนอสินค้าเครื่องประดับทองคำและจิวเวลรี่ให้ตรงกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ทางสื่อดิจิทัล เช่น Facebook Instagram TikTok ฯลฯและเพิ่มไลน์สินค้าที่มีราคาต่ำลง เช่นเครื่องประดับเงิน สร้อยปี่เซียะทองคำผสมไหมญี่ปุ่นฯลฯ เพื่อให้ผู้บริโภคจับจองได้ง่าย 

กลยุทธ์นี้เหมาะกับนักบริหารรุ่นใหม่หรือเป็นทายาทเถ้าแก่ตู้แดงที่มุ่งมั่นขยายโอกาสทางการค้า ทำให้กลุ่มลูกค้ากว้างขึ้น กระตุ้นให้เกิดความต้องการสินค้า แม้ยามวิกฤติกิจการก็ยังมีโอกาสเติบโตสูงจะยืนหยัดอดทนหรือก้าวไกลเท่าทันเทคโนโลยีหรือใช้ผสมผสานร่วมกัน ผู้บริหารจัดการต้องมีความเคร่งครัด รอบคอบ รอบรู้ และเมื่อโควิด-19 สิ้นพิษสงEEC ก็จะเป็นระเบียงทอง ที่มีประชากรล้นหลาม กำลังซื้อมหาศาล ผลักดันธุรกิจต่างๆ รวมทั้งการค้าทองคำและจิวเวลรี่ ให้ฟื้นคืนความรุ่งโรจน์ โชติช่วงอีกครั้ง