EPG ทุ่ม300ล้าน เล็งร่วมทุน-ซื้อกิจการ ปีนี้1-2 ดีล ต่อยอดธุรกิจ

EPG ทุ่ม300ล้าน เล็งร่วมทุน-ซื้อกิจการ ปีนี้1-2 ดีล ต่อยอดธุรกิจ

อีพีจี ทุ่ม300 ล้าน เล็งร่วมทุน-ซื้อกิจการ คาดชัดเจนปีนี้ 1-2 ดีล เจรจาทั้งในและต่างประเทศ พร้อมวางงบลงทุนปีนี้ 540 ลบ.เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต 3 ธุรกิจหลัก ตั้งเป้ายอดขาย 64/65 ทะลุหมื่นล้าน

นายเฉลียว วิทูรปกรณ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ EPG เปิดเผยว่าบริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 64/65 (สิ้นสุด 31 มี.ค. 65) เติบโต 12-15% หรือที่ 10,700-11,000 ล้านบาท เนื่องจากสินค้าของบริษัทมีความจำเป็นที่จะต้องใช้ในชีวิตประจำวัน โดยปีนี้คาดธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ Aeroflex เติบโต 10-12% ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ Aeroklas เติบโตก้าวกระโดด 20-23% และธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกภายใต้แบรนด์ EPP เติบโตได้ 5-8%

สำหรับ Aeroflex และ Aeroklas ส่วนใหญ่ขายในต่างประเทศ ซึ่งตอนนี้สหรัฐอเมริกา ยุโรป อินเดีย จีน ออสเตรเลีย เศรษฐกิจฟื้นทุกประเทศ เป็นตัวสนับสนุนความมั่นใจว่าปีนี้ยอดขายจะเติบโตได้ 12-15% ในส่วนของ EPP จากการที่รัฐอัดฉีดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจจะทำให้อัตราการบริโภคในประเทศคาดว่าจะดีขึ้น พร้อมกับปรับระดับอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นที่ 29 - 32%

  

บริษัทตั้งงบลงทุนในปี 64/65 รวม 540 ล้านบาท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตใน 3 ธุรกิจหลัก แบ่งเป็น Aeroflex 175 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบลงทุนต่อเนื่องเพื่อสร้างฐานการผลิตโรงงานแห่งใหม่ในสหรัฐอเมริกา Aeroklas 245 ล้านบาท และ EPP 120 ล้านบาท ทั้ง 2 บริษัทย่อยนี้ใช้เพื่อเพิ่มเครื่องจักรและใช้ปรับปรุงไลน์การผลิต เพื่อให้ผลิตได้เร็วขึ้น ใช้คนน้อยลง ใช้ไฟฟ้าน้อยลง

ทั้งนี้ บริษัทได้จัดสรรงบประมาณสำหรับควบรวม (M&A) และร่วมลงทุน( Joint Venture) ที่ 300 ล้านบาท รองรับโอกาสการขยายตัวทางธุรกิจในอนาคต โดยปัจจุบันเจรจาอยู่หลายราย ปีนี้คงมีโอกาสได้เห็นความชัดเจน 1-2 ดีล เป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องต่อยอด 3 ธุรกิจหลัก ซึ่งคุยกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ

สำหรับการดำเนินงานใน 3 กลุ่มธุรกิจหลักของบริษัทในปีนี้ แบ่งเป็น 1.ธุรกิจฉนวนกันความร้อน/เย็น ภายใต้แบรนด์ AEROFLEX ตั้งเป้าทำการตลาดสำหรับสินค้าพรีเมี่ยมเป็นหลักทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น สำหรับฐานการผลิตโรงงานแห่งใหม่ในสหรัฐอเมริกา จะนำเครื่องจักรระบบอัตโนมัติความเร็วสูงมาใช้เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต คาดว่าจะเริ่มทดสอบการผลิตได้เดือน มิ.ย. 64 โดยจะเพิ่มกำลังการผลิตประมาณ 2 เท่าของกำลังการผลิตในสหรัฐอเมริกาเพื่อรองรับการความต้องการในอนาคต

การลงทุนครั้งนี้สอดรับกับปัจจัยสนุบสนุนของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา จากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่มูลค่า 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ มุ่งหน้าสู่การฟื้นฟูประเทศ การอัดฉีดงบประมาณช่วยฟื้นฟูตลาดแรงงาน สร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น รวมถึงภาคธุรกิจเริ่มกลับมาลงทุนมากขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมก่อสร้างอีกด้วย

2.ธุรกิจชิ้นส่วนอุปกรณ์และตกแต่งยานยนต์ ภายใต้แบรนด์ Aeroklas ยังคงได้รับผลบวกจากอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้สินค้ากลุ่มชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่งยานยนต์ ของ Aeroklas ปรับตัวดีขึ้นตามอุตสาหกรรมฯ Aeroklas ยังคงมุ่งมั่นทำงานร่วมกับลูกค้ากลุ่ม OEM ค่ายยานยนต์ของยุโรป เอเชีย และสหรัฐอเมริกา เพื่อพัฒนาสินค้านวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงใช้ช่องทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของ Aeroklas ประกอบด้วยลูกค้ากลุ่ม OEM ODM และ After Market ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

สำหรับธุรกิจในออสเตรเลีย มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ตามความต้องการยานยนต์ประเภท Light Commercial Vehicle และ SUV ในออสเตรเลีย ปรับสูงขึ้นจากปีก่อน อีกทั้ง ธุรกิจ TJM มีแผนเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด ทั้งในออสเตรเลียและเอเชียแปซิฟิค ด้วยการเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายแบบออนไลน์ สร้างความสะดวกในการเลือกซื้อสินค้าและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดจำหน่าย และเสริมสร้าง Synergy ภายในกลุ่มธุรกิจ ซึ่งเห็นผลงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเป็นปัจจัยสนับสนุนธุรกิจในออสเตรเลียให้เติบโตอย่างโดดเด่นในปีบัญชีนี้

3.ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติกภายใต้แบรนด์ EPP ยังคงให้ความสำคัญกับการนลยุทธ์ “Capacities Driven” มาบริหารจัดการกระบวนการผลิตให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และยังคงทำตลาดในกลุ่มบรรจุภัณฑ์อาหารประเภทกล่องใส่อาหารและถ้วยน้ำดื่มอย่างต่อเนื่อง ด้วยการสนับสนุนจากหน่วยงานวิจัยและพัฒนา ทำให้ EPP สร้างสรรค์บรรจุภัณฑ์นวัตกรรมได้หลากหลายชนิดสอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคและการใช้ชีวิตตามวิถีชีวิตใหม่ได้เป็นอย่างดี