'มงคลกิตติ์' ชี้ 'รัฐบาล' ถ่วงแก้ปัญหาโควิด เพื่อหาประโยชน์ ปูดมี 'หัวคิว' ฉีดวัคซีน

'มงคลกิตติ์' ชี้ 'รัฐบาล' ถ่วงแก้ปัญหาโควิด เพื่อหาประโยชน์ ปูดมี 'หัวคิว' ฉีดวัคซีน

ส.ส.มงคลกิตติ์ จี้ ปรับลดงบ ซื้ออาวุธกองทัพ กว่า 4หมื่นล้านบาท เพื่อซื้อวัคซีน กันโควิด-19 ชี้ รัฐบาลแก้ปัญหาล่าช้า เพราะหวังประโยชน์ ปูดมีเรียกเก็บหัวคิวฉีดวัคซีน 500 - 1,000 บาทต่อหัว

       ในการประชุมสภาฯ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ อภิปรายขอให้ปรับลดงบประมาณ ของกระทรวงกลาโหม ใน 3 เหล่าทัพ คือ กองทัพบก, กองทัพอากาศ และกองทัพเรือ ในส่วนของการจัดซื้ออาวุธใหม่, ตั้งงบผูกพัน กว่า 30,000 - 40,000 ล้านบาท ที่จัดสรรไว้ในร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565   แบ่งเป็น  กองทัพบก ควรชะลองบประมาณด้านยุทธศาสตร์พัฒนาศักยภาพการป้องกันประเทศ มูลค่า กว่า 2.2 หมื่นล้านบาท ที่เตรียมไว้เพื่อเสริมสร้างกำลังกองทัพ รวมถึงเสริมศักยภาพของยุทโธปกรณ์ เช่นเดียวกับงบของกองทัพเรือ ที่ควรชะลองบประมาณ กว่า 1.4 ล้านบาท เพื่อใช้เสริมศักยภาพการป้องกันประเทศ ขณะที่กองทัพอากาศ ควรชะลองบรวม 1.8 หมื่นล้านบาท ที่ใช้เพื่อเตรียมพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ เพื่อนำไปจัดซื้อวัคซีนป้องกันโควิด-19 และซื้อครุภัณฑ์ทางการศึกษาให้กับนักเรียน จำนวน 12 ล้านคน  อย่างไรก็ดีตนมองว่ากรณีที่นำเข้าวัคซีนล่าช้าเพราะรัฐบาลประมาท ผูกขาดวัคซีน รวมถึงพบการตั้งกำแพงเรียกค่าหัวคิวฉีดวัคซีน โดสละ 500 - 1,000 บาท
162253359499
       “รัฐบาลจงใจถ่วงปัญหา  เพื่อหาประโยชน์จากการครองอำนาจ รวมถึงผูกขาดนำเข้าวัคซีน เพื่อหาเหตุของการกู้เงิน และอ้างประชาชน ส่วนใหญ่ลงทุน เพื่อคอร์รัปชั่น มีการซื้อเสียงล่วงหน้า ทั้งนี้ ครม. ไร้สามารถหารายได้ เก่งแต่กู้ ไม่สามารถแก้ปัญหาโควิดได้ ทำให้ประเทศและประชาชนเสียหาย และทำให้ประะชาชนสิ้นหวังอยากตายเพียงแค่เห็นชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี” นายมงคลกิตติ์ อภิปราย 

       นายมงคลกิตติ์ อภิปรายด้วยว่า  ในปี 2565 คาดว่า รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จะใช้เงินกู้รวมทั้งหมด 11.085 ล้านบาท จากกฎหมายกู้เงิน  2 ปีที่ผ่านมา และเป็นไปได้ว่าในปลายปี 2564 พล.อ.ประยุทธ์ จะเสนอต่อสภาฯ และวุฒิสภา เพื่อแก้ไข พ.ร.บ.ว่าด้วยวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ.2561 เพื่อขยับเพดาน จาก 60% เป็น 80% เหมือนสหรัฐอเมริกา 
       “ผมขอตั้งฉายาให้รัฐบาลว่า รัฐบาลชักหน้าไม่ถึงหลัง เพราะ 3 ปีงบประมาณที่ผ่านมา  รัฐบาลใช้เงินไปกว่า  9.85 ล้านล้าน ขณะที่การจัดเก็บรายได้ อยู่ที่  7.793 ล้านล้านบาท  ขาดดุลปกติ 1.792 ล้านล้านบาท บวกกับ พ.ร.ก.กู้เงิน 1.5 ล้านล้านบาท  รวมแล้ว รัฐบาลกู้เงินไปกว่า 3.292 ล้านล้านบาท ภายใน 2 ปี สถานการณ์ของรัฐบาลไม่สามารถจัดหารายได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะปัญหาโควิด-19 และไม่สามารถจัดเก็บรายได้จากธุรกิจผิดกฎหมาย รวมถึงเงินทุจริตคอร์รัปชั่นจากบ้านนักการเมือง” นายมงคลกิตติ์ อภิปราย.