อีไอซีหั่นจีดีพีปีนี้โต 1.9% หวังรัฐเร่งฉีด’วัคซีน’

อีไอซีหั่นจีดีพีปีนี้โต 1.9% หวังรัฐเร่งฉีด’วัคซีน’

อีไอซี หั่นประมาณการจีดีพีไทยปีนี้ลดลงเล็กน้อยจาก 2.0% มาที่ 1.9% เหตุนักท่องเที่ยวหดตัวต่อเนื่อง แต่รับแรงหนุนจากส่งออกและมาตรการรัฐที่ช่วยพยุง หวังรัฐเร่งฉีด “วัคซีน”

ดร.ยรรยง ไทยเจริญ ผู้บริหารสูงสุด ศูย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ Economic Intelligence Center (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 2564 มีแนวโน้มขยายตัวที่ 1.9% ลดลงจากประมาณการเดิมที่ 2.0% หลังจากได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก จากการระบาดระลอกใหม่ที่คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 4 เดือน (เมษายน-กรกฎาคม) ในการควบคุม ซึ่งจะส่งผลให้การบริโภคภาคเอกชนโดยเฉพาะกิจกรรมทางเศรษฐกิจในลักษณะ face to face ลดลงมาก

 

ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศปีนี้มีแนวโน้มลดต่ำกว่าคาดมาอยู่ที่ 4 แสนคน แม้ทางการจะมีแผนเปิดประเทศในช่วงครึ่งหลังของปี เนื่องจากประเทศส่วนใหญ่ยังระมัดระวังในการเปิดให้ประชาชนเดินทางไปต่างประเทศจากความกังวลต่อ COVID-19 สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งจะยิ่งซ้ำเติมแผลเป็นต่อธุรกิจและแรงงานโดยเฉพาะในภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวข้องมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ดี สาเหตุที่เศรษฐกิจจะไม่ชะลอลงมากจากคาดการณ์ครั้งก่อน เป็นผลจากแนวโน้มการส่งออกที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะเศรษฐกิจกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่ฉีดวัคซีนได้เร็วกว่า รวมทั้งมาตรการความช่วยเหลือของภาครัฐทั้งจากวงเงิน 2.4 แสนล้านบาทภายใต้ พรก. กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท และวงเงินจาก พรก. กู้เงิน 5 แสนล้านบาทที่ออกมาใหม่ ซึ่ง EIC คาดว่าจะมีเม็ดเงินบางส่วนราว 1 แสนล้านเข้าช่วยพยุงเศรษฐกิจเพิ่มเติมในปีนี้

ในภาพรวมเศรษฐกิจไทยจะยังฟื้นตัวอย่างช้าๆ โดยเศรษฐกิจจะต้องรอถึงช่วงต้นปี 2566 จึงจะกลับไปเท่ากับระดับ GDP ก่อนเกิด COVID-19 รวมทั้งยังเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงด้านต่ำสำคัญ ได้แก่ ระยะเวลาในการควบคุมการระบาดที่อาจนานขึ้น และความล่าช้าด้านการฉีดวัคซีน ซึ่งอาจทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจอ่อนแอและล่าช้าออกไปอีก

ทั้งนี้การเร่งฉีดวัคซีนเพื่อช่วยสร้างความเชื่อมั่นและฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะสั้นควบคู่กับการผลักดันมาตรการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อรองรับ New Normal จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการลดขนาดของความเสียหายทางเศรษฐกิจแบบถาวร (permanent output loss) ของเศรษฐกิจไทย