'ทำเนียบฯ'พบติดเชื้อ'โควิด'เป็น จนท.หญิงใน ตึกบัญชาการ1

'ทำเนียบฯ'พบติดเชื้อ'โควิด'เป็น จนท.หญิงใน ตึกบัญชาการ1

"ทำเนียบฯ" พบ จนท.หญิง ติดเชื้อโควิด เพิ่มอีกราย เป็นลูกจ้างขององค์การทหารผ่านศึก ทำหน้าที่แลกบัตร ในตึกบัญชาการ1 สั่งระดม ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อบนห้องทำงาน รองนายกฯ-รมต.ประจำสำนักนายกฯแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาล ว่า  ภายหลังจากมีการผ่อนปรนมาตรการด้านการสาธารณสุขในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคไวรัส โควิด-19 โดยอนุญาตให้สื่อมวลชนที่เข้ารับการฉีดวัคซีนเข้ามาปฎิบัติหน้าที่  ที่ทำเนียบรัฐบาลได้แล้ว ส่วนเจ้าหน้าที่และข้าราชการของทำเนียบฯ ยังคงปฏิบัติงานที่บ้าน  หรือ  เวิร์คฟอร์มโฮม  เป็นส่วนใหญ่

ล่าสุด ปรากฎว่ามีเจ้าหน้าที่หญิงรายหนึ่ง ที่ปฏิบัติหน้าที่แลกบัตร ในตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบฯซึ่งเป็นลูกจ้างขององค์การทหารผ่านศึก ติดเชื้อโควิด-19  โดยเจ้าหน้าที่หญิงคนดังกล่าวเข้ารับการตรวจเมื่อวันที่ 26 ..ที่ผ่านมา และมีผลเป็นบวก เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งให้เข้ารับการกักตัวและรักษาทันที

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่หญิงคนดังกล่าว ไม่ได้เข้ามาปฎิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 24 .. ที่ผ่านมา เนื่องจากเป็นกลุ่มเสี่ยงเพราะคนในครอบครัวมีการติดเชื้อโควิด จึงได้ทำการกักตัวก่อนหน้านี้ และเข้ารับการตรวจจนพบว่าติดเชื้อโควิดเช่นกัน สร้างความตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก

ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้เข้าฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อบริเวณโถงตึกบัญชาการ และห้องทำงานบนชั้นต่างๆของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ แล้ว

อย่างไรก็ตาม ทางสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีไม่ได้เพิกเฉย ได้ใช้มาตรการเข้มข้นสูงสุดในการป้องกันการแพร่ระบาด เช่น การตรวจเช็คบุคลากรเป็นประจำ การส่งเจ้าหน้าที่ไปรับวัคซีนโควิด 19 ตามความจำเป็น การทำความสะอาด ฆ่าเชื้อสถานที่ต่างๆภายในทำเนียบรัฐบาลเป็นประจำ รวมทั้ง การปฏิบัติตามมาตรการของสาธารณสุข โดยกรณีล่าสุดนั้น เจ้าหน้าที่คนดังกล่าวได้มาปฏิบัติงานในวันอังคารที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันประชุมคณะรัฐมนตรี แต่วันดังกล่าวไม่มีการประชุมในตึกบัญชาการ1 จึงลดความเสี่ยงได้ลงมาก ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ดังกล่าวได้เข้ารับการรักษาตัวที่สถานพยาบาลแล้ว และบุคคลสัมผัสใกล้ชิด ได้มีการกักตัวดูอาการแล้ว จึงขอให้ความมั่นใจว่า ตึกบัญชาการ และทำเนียบรัฐบาลยังเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยจากโควิด 19 ด้วยการดำเนินการตามหลักอนามัยและการป้องกันอย่างเต็มที่ แต่ทั้งนี้ ขอให้ทุกคนร่วมปฎิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด ด้วยการขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดิน ยังต้องดำเนินต่อไป และข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และสื่อมวลชน ก็ยังตัองทำหน้าที่ของตนเองให้สมบูรณ์ไม่ขาดตกบกพร่อง