สมาคมค้าปลีกเจรจาแบงก์ดึงซอฟต์โลนหนุนเอสเอ็มอี

สมาคมค้าปลีกเจรจาแบงก์ดึงซอฟต์โลนหนุนเอสเอ็มอี

สมาคมผู้ค้าปลีกไทยรวมพลังเชิงรุกกับธนาคารพาณิชย์ประกาศผลสำเร็จในเฟสแรก ปล่อยสินเชื่อฟื้นฟูธุรกิจมากกว่า 5,000 ล้านบาท ให้คู่ค้าเอสเอ็มอี ฝ่าวิกฤติโควิด

นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยว่า สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ได้มีการประชุมกับสมาชิกสมาคมและภาคีเครือข่ายกว่า 70 บริษัท ซึ่งมีผู้ประกอบการ SME ที่อยู่ในห่วงโซ่การค้ามากกว่า 100,000 ราย นับเป็น 40% ของมูลค่าการบริโภคค้าปลีกทั้งประเทศ หรือ คิดเป็น 12% ของ GDP ร่วมกับธนาคารพาณิชย์รายใหญ่ 5 รายในเฟสแรก คือ ธนาคารกสิกรไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย และธนาคารออมสิน เพื่อเชื่อมโยงให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้สามารถเข้าถึง แหล่งเงินทุน (Soft Loan) ผ่าน Digital Factoring Platform 

โดยสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เป็นศูนย์กลางเชื่อมต่อข้อมูลของผู้ผลิต ผู้จัดจำหน่าย เพื่อช่วยให้การพิจารณาสินเชื่อ แก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและเกษตรกร ได้ง่าย สะดวกและรวดเร็ว โดยเฉพาะในสภาวะวิกฤติ โควิด-19 ที่เอสเอ็มอีทั่วประเทศ ขาดสภาพคล่องเป็นอย่างมาก และต้องการความช่วยเหลือ อย่างเร่งด่วน

สมาคมผู้ค้าปลีกไทยได้เริ่มโครงการแซนด์บ็อกซ์ ซึ่งเป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง เซ็นทรัล รีเทล (CRC) และ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) โดยการนำข้อมูลการทำธุรกิจระหว่างบริษัทฯ และซัพพลายเออร์ หรือคู่ค้าเบื้องต้นกว่า 4,000 ราย ของ เซ็นทรัล รีเทล เพื่อใช้ประกอบในการพิจารณาสินเชื่อของธนาคารกสิกรไทย ผ่านแพลตฟอร์มฯ และได้อนุมัติสินเชื่อกลุ่มแรกให้กับเอสเอ็มอีมากกว่า 1,000 ราย ในวงเงินรวม 5,000 ล้านบาท ซึ่งกว่า 70% ของเอสเอ็มอีเหล่านี้ยังไม่เคยเข้าถึงแหล่งเงินทุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) มาก่อน

แพลตฟอร์มนี้ทำให้ธนาคารฯ สามารถพิจารณาปล่อยสินเชื่อได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น บนต้นทุนและความเสี่ยง ที่ต่ำ และ เอสเอ็มอี สามารถชำระหนี้แบบอัตโนมัติผ่านช่องทางดิจิทัล เพราะฉะนั้น ธนาคาร จึงสามารถเสนอสินเชื่อวงเงินที่สูงและอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ

ความสำเร็จของโครงการนี้ ได้รับการสนับสนุนอย่างดียิ่งจากภาครัฐ ธนาคารแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ซึ่งจะนำต้นแบบนี้ขยายไปสู่เอสเอ็มอีมากกว่า 100,000 ราย ทั่วประเทศ ของสมาชิกสมาคมผู้ค้าปลีกไทยและภาคีเครือข่ายภายในสิ้นปี 2564 และในเฟสต่อไป จะขยายผลไปถึงสมาชิกของทุกสมาคมฯ ตั้งแต่ สมาคมศูนย์การค้าไทย สมาคมภัตตาคารไทย สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เป็นต้น นอกจากนี้ยังได้รับการร่วมมืออย่างเต็มที่จากธนาคารพาณิชย์ของรัฐและเอกชน เพื่อช่วยให้ SME ไทยสามารถพลิกฟื้น เสริมสภาพคล่อง และได้แต้มต่อในการดำเนินธุรกิจ

“การผนึกกำลังสำคัญของทุกภาคส่วนในครั้งนี้ เราทุกคนมีความตั้งใจและทำอย่างจริงใจเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ได้จริงและรวดเร็วบนจุดมุ่งหมายเดียวกัน เอสเอ็มอีไทยต้องรอดโดยการช่วยเหลือเอสเอ็มอีให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างง่ายและทั่วถึง และสามารถก้าวพ้นวิกฤตโควิดในครั้งนี้ไปได้ด้วยกันโดยเร็วที่สุด” นายญนน์ กล่าวปิดท้าย