เอกชนปลื้ม เดือนก.พ.64 นำเข้า 'ตู้คอนเทนเนอร์' เข้าไทย 2.3 หมื่นตู้ หนุนส่งออก 3.5 หมื่นล้าน

เอกชนปลื้ม เดือนก.พ.64 นำเข้า 'ตู้คอนเทนเนอร์' เข้าไทย 2.3 หมื่นตู้ หนุนส่งออก 3.5 หมื่นล้าน

ภาคเอกชนปลื้ม "พาณิชย์" เร่งแก้ปัญหา "ตู้คอนเทนเนอร์" ขาดแคลน เผยเดือนก.พ.64 นำเข้าตู้เปล่า 2.3 หมื่นตู้ หนุนส่งออก 3.5 หมื่นล้าน

เมื่อวันที่ 26 พ.ค.64 ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการ หอการค้าไทยได้เข้าร่วมตรวจการนำเรือ 300 เมตร ไม่เกิน 399 เมตร ร่วมกับ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ณ ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี โดยได้ตรวจเยี่ยมเรือสินค้า MSC Amsterdam ณ ท่าเรือ D1 ฮัทชิสัน เป็นการนำเรือขนาดมากกว่า 300 เมตร แต่ไม่เกิน 399 เมตร เข้าเทียบท่าเรือ ซึ่งเป็นการผลักดันความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน และรัฐ เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดแคลน "ตู้คอนเทนเนอร์" ในปัจจุบัน ตามข้อเสนอของหอการค้ไทยตั้งแต่สิ้นปี 2563 ซึ่ง จะเริ่มสร้างความสมดุลกับการส่งออกสินค้าและสามารถลดต้นทุน และขนตู้เปล่าและตู้ที่มีสินค้าเช้ามาได้มากขึ้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

ตามที่ รัฐบาล ได้เห็นชอบให้กรมเจ้าแก้ไขประกาศใหม่ และอนุญาตให้เรือ 300-400 เมตร สามารถเข้าเทียบท่าได้เป็นระยะเวลา 2 ปี โดยปัจจุบันมีเรือเข้ามาตั้งแต่วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งเป็นเรือขนาด 399 เมตร มีความสามารถในการบรรทุก "ตู้คอนเทนเนอร์" สินค้ามากกว่าเรือบรรทุก ที่ต่ำกว่า 300 เมตรเพื่อนำให้มีตู้ขาเข้า และมีตู้คอนเทนเนอร์สินค้าเปล่าเข้ามามากขึ้น และด้วยการผลักดันแก้ไขปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์สินค้าของกระทรวงพาณิชย์ โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ทำให้เดือนกุมภาพันธ์ 2564 มีเรือเข้ามาแล้ว 7 ลำ สามารถบรรทุกตู้เปล่าเข้ามาประมาณ 23,000 ตู้ และสามารถชนสินค้าออกไปได้ประมาณ 458,000 ตัน รวมมูลค่า การส่งออกประมาณ 35,000 ล้านบาท

ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ กล่าวว่า ภาคเอกชนโดยหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยขอขอบคุณนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และผู้บริหรกระทรวงพณิชย์ ที่ได้ให้ความสำคัญและเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์สินค้าร่วมกับภาคเอกชน และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนผ่านเวที กรอ.พาณิชย์ จะผลักดันแก้ไขปัญหา เพิ่มศักยภาพ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของ ผู้ประกอบการไทยในประเด็นต่าง ฯ ได้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติโดยรวมต่อไป