‘อาร์เอส’จ่อคลอดสินค้ากัญชา-กัญชง ไตรมาส3/64หนุนรายได้

‘อาร์เอส’จ่อคลอดสินค้ากัญชา-กัญชง ไตรมาส3/64หนุนรายได้

“อาร์เอส” คาดเปิดตัวผลิตภัณฑ์กัญชา-กัญชงในไตรมาส 3 หวังหนุนรายได้ปีนี้  พร้อมเดินหน้าซื้อกิจการ เผยอยู่ระหว่างศึกษา 1-2 ดีล 

นายวิทวัส เวชชบุษกร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS เปิดเผยว่า สำหรับความคืบหน้าการออกผลิตภัณฑ์เกี่ยวข้องสารสกัดจากกัญชาและกัญชง คาดว่าน่าจะเริ่มเปิดตัวได้ในไตรมาส 3  ตอนนี้บริษัทได้มีการเตรียมความพร้อมทั้งสูตรและผลิตภัณฑ์แล้ว แต่ยังต้องรอความชัดเจนของกฎหมายในส่วนที่เกี่ยวกับเครื่องดื่มและอาหารเสริม ที่จะออกมารองรับ เนื่องจากเครื่องดื่มและอาหารเสริม เป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัท 

“มองว่า ตลาดผลิตภัณฑ์เกี่ยวเนื่องกัญชาและกัญชงในครึ่งปีหลังนี้ จะมีความน่าสนใจมากขึ้น คาดว่าไตรมาส 3 น่าจะเริ่มมีความชัดเจนและเริ่มมีสินค้าทยอยออกมาได้ ซึ่งบริษัทเตรียมรับรู้รายได้ในครึ่งหลังของปีนี้"

ทางด้านการควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) ครึ่งปีหลังในปีนี้บริษัทยังสนใจ อีก 1- 2 ดีล มูลค่าดีลละ 300-600 ล้านบาท จากช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้ร่วมกับ บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) หรือ PLANB จัดตั้งบริษัทร่วมทุนด้วยทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท เพื่อประกอบธุรกิจคอมเมิร์ซและการตลาด ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ และจัดจำหน่ายสินค้าไปยังตลาดทั่วประเทศ โดย RS ถือหุ้น 51% และ PLANB ถือหุ้น 49% และบริษัทได้ใช้เงินลงทุน 13 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้น 70% ในบริษัท โฟร์ท แอปเปิ้ล จํากัด ที่ปรึกษาด้านการตลาด ออนไลน์ หวังสร้างโอกาสและพัฒนาช่องทางธุรกิจใหม่ๆ รวมถึงช่วยต่อยอดธุรกิจเดิมของบริษัท

ส่วนธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนท์มุ่งเน้นออกคอนเทนท์ใหม่ ทั้งเพลง หนัง และซีรีส์ เพิ่มรายได้ รวมถึงคุมต้นทุนการผลิต ซึ่งสามารถทำได้ดีในไตรมาส 1 ที่ผ่านมานี้และต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 2 และคาดว่ารายได้จากเม็ดเงินโฆษณาจะเริ่มฟื้นตัวกลับมาได้ตามสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายเช่นเดียวกันเมื่อต้นปีนี้

ดังนั้น บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปีนี้อยู่ที่ 5,700 ล้านบาท เป็นระดับสูงสุด (All Time High) โดยปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้ 3,791.07 ล้านบาท โดยในปีนี้คาดอัตรากำไรขั้นต้น 50-52% และอัตรากำไรสุทธิ 12-14% ยังคงมาจากกลยุทธ์ 4 กลยุทธ์หลักคือต่อยอดจากจุดแข็ง, แตกไลน์ตลาดใหม่ๆ, เติบโตจากบริหารสินทรัพย์ และการควบรวมและซื้อกิจการ (M&A) โดยเป้ารายได้ดังกล่าวแบ่งเป็นธุรกิจคอมเมิร์ซ 4,000 ล้านบาท และธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนท์ 1,700 ล้านบาท 

สำหรับแนวโน้มธุรกิจไตรมาส 2 คาดว่า ยังรักษาการเติบโตต่อเนื่องไตรมาส 1 มีรายได้รวมอยู่ที่ 992 ล้านบาท ลดลง 3% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เพราะเป็นช่วงโลซีชันธุรกิจมีเดียและผลกระทบจากโควิด-19 กระทบการจัดคอนเสิร์ต แต่ครึ่งปีหลังน่าจะฟื้นตัวขึ้นหากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย แต่เพิ่มขึ้น 1% จากไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่มีกำไร 140 ล้านบาท ลดลง 26% จากช่วงเดียวกันก่อน จากมีการรับรู้รายได้การขายคอนเทนท์ที่ลดลง แต่เพิ่มขึ้น 34% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยมาจากรายได้ของธุรกิจคอมเมิร์ซ 661 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เป็นการทำสถิติสูงสุดใหม่และมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 67% ของรายได้ทั้งหมด และด้วยการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายและการบริหารจัดการฐานข้อมูลลูกค้าร่วมกับการทำโปรโมชั่นที่ตอบโจทย์ลูกค้าแต่ละกลุ่ม บริษัทยังสามารถควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกธุรกิจ