แกะรอย 5 เดือนตามจับแก๊ง'โรแมนซ์สแกม-สื่อรักออนไลน์'

แกะรอย 5 เดือนตามจับแก๊ง'โรแมนซ์สแกม-สื่อรักออนไลน์'

กองปราบฯ แกะรอย 5 เดือนรวบแก๊ง 'โรแมนซ์สแกม-สื่อรักออนไลน์'ทำงานเป็นทีม เริ่มวางแผนหาเหยื่อ-พูดคุย พบเงินหมุนเวียนปีเดียวกว่า200 ล้านบาท ขณะที่ผู้ร่วมแก๊งชาวญี่ปุ่น เปิดร้านอาหาร-รับแลกเงินบังหน้าคาดแหล่งฟอกเงิน

จากนั้นก็จะให้ผู้ร่วมขบวนการคนไทย โทรศัพท์มาหาผู้เสียหาย อ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่บริษัทส่งสินค้าระหว่างประเทศ (shipping) แจ้งว่ากระเป๋าเดินทางและกล่องพัสดุดังกล่าวมาถึงประเทศไทยแล้ว แต่มีขั้นตอนการดำเนินการส่งสินค้า และมีค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่ต้องชำระเงินเอง ผู้เสียหายจึงหลงเชื่อยอมโอนเงินไปให้ตามที่ถูกเรียกร้อง รวมเป็นเงินทั้งสิ้นเกือบ 1 ล้านบาท แต่หลังจากจ่ายเงินไปแล้ว กลับไม่ได้รับของแต่อย่างใด อ้างว่ายังอยู่ระหว่างดำเนินการ

อย่างไรก็ตามภายหลังจากได้เงินจากเหยื่อรอบแรกไปแล้วขบวนการดังกล่าวยังวางแผนที่จะหลอกเงินเหยื่อเพิ่มอีก โดยการให้ผู้ร่วมขบวนการโทรศัพท์ติดต่อมาอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจากประเทศมาเลเซียบอกกับผู้เสียหายว่า Mr.Lanny Gray ประสบอุบัติเหตุ ได้รับบาดเจ็บสาหัสรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ขอเรียกเก็บเงินเพื่อสำรองค่ารักษาพยาบาลจากผู้เสียหายอีกเกือบ 500,000 บาท แต่ผู้เสียหายเกิดเอะใจ พยายามติดต่อกลับเพื่อสอบถามเมื่อเห็นว่าไม่สามารถติดต่อได้ จึงตัดสินใจไม่โอนเงินไปให้เพราะเชื่อว่าน่าจะถูกหลอก ก่อนนำเรื่องเข้าแจ้งความที่ สน.วังทองหลาง พร้อมกับยื่นคำร้องต่อ พล.ต.ต.จิรภพ ให้ช่วยติดตามจับกุมดังกล่าว

162192389877

พ.ต.อ.วิวัฒน์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมใช้เวลาสืบสวนกว่า 5 เดือน จนพบพยานหลักฐานว่ากลุ่มคนร้ายมีด้วยกันทั้งหมด 7 คน มีนายอูโซซูกะวู กับ น.ส.ปุณยวีร์ สองสามีภรรยา เป็นหัวหน้า ทำกันเป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่ วางแผนเป็นขั้นตอน ในช่วง 2-3 ปี หลังมีผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อถูกหลอกหลายราย อีกทั้งจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินเครือข่าวดังกล่าวพบมีการโอนเงินจากบัญชีอื่น เข้ามายังบัญชีของกลุ่มคนร้ายที่เปิดในชื่อของบุคคลอื่นประมาณ 50 บัญชี ซึ่งเมื่อได้เงินมาแล้วก็จะไปถอนจากตู้เอทีเอ็มออกมาเป็นเงินสด แล้วนำฝากเข้าบัญชีส่วนตัว เพื่อให้ยากต่อการตรวจสอบ ซึ่งจากการตรวจสอบบัญชีธนาคารของน.ส.ปุณยวีร์ พบเฉพาะเพียงแค่ปี 2563-2564 มีเงินหมุนเวียนในบัญชีถึง 200 ล้านบาท

นอกจากนี้จากการตรวจค้นร้านอาหารและร้านรับแลกเงินของนายอูโซซูกะวู ที่คาดว่าเป็นการประกอบธุรกิจบังหน้า พบเอกสารการแลกเงินตราไปต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ทำให้เชื่อว่าน่าจะเป็นวิธีการฟอกเงินอย่างหนึ่ง จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นหลักฐานเพื่อขยายผลสืบสวนต่อไป และเมื่อตรวจสอบประวัติ นายอูโซซูกะวู พบเคยก่อเหตุในลักษณะเดียวกัน เมื่อปี 2561 ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ โดยในครั้งนั้น กลุ่มคนร้ายได้อ้างตัวว่าเป็นทหารแอฟริกันปลดประจำการ ซึ่งขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการสอบสวน และเชื่อว่ายังมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่ตกเป็นเหยื่อขบวนการโรแมนซ์สแกมนี้

อย่างไรก็ตามจากการสอบสวน ผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ยังคงให้การปฏิเสธ เบื้องต้นจึงแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับ ก่อนนำตัวส่ง สน.วังทองหลาง ดำเนินการตามกฎหมายพร้อมกับขยายผลติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่อยู่ระหว่างการหลบหนีที่เหลืออีก 1 คนต่อไป