‘กูรู’ จับตากลางมิ.ย. ‘ทองคำ’ รุ่ง หรือ ร่วง !

‘กูรู’ จับตากลางมิ.ย. ‘ทองคำ’ รุ่ง หรือ ร่วง !

กลางเดือนมิ.ย.นี้ !! จับตาตัวเลขเศรษฐกิจ-นโยบายเฟดเปลี่ยน ตัวชี้วัดอนาคตราคา 'ทองคำ' จะ 'รุ่ง' หรือ 'ร่วง' ด้านสัญญาณบวกระยะสั้นกองทุน SPDR กลับมาซื้ออีกครั้ง ฟาก 'เสี่ยป๋อง-วัชระ แก้วสว่าง' วิเคราะห์ระยะยาว 3-5 ปี ทองคำยังเป็น 'ขาขึ้น' !

เดือนก.ค. 2563 'ราคาทองคำ !' ตลาดโลกเคยทะยานขึ้นไปทำ 'สถิติสูงสุด' (All Time High) เป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่อยู่ที่ระดับ 2,075 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำในประเทศไทยพุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 30,400 บาทต่อบาททองคำ ! ด้วยปัจจัยบวกความเปราะบางของเศรษฐกิจจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลก ทำให้ได้เห็นปรากฏการณ์การต่อแถวขายทองคำย่านเยาวราช...

แต่หลังจากนั้นช่วงท้ายปีและต่อเนื่องมาต้นปี 2564 ราคาทองคำค่อยๆ ขยับร่วงมา ภายหลังมีข่าวความสำเร็จของ 'วัคซีนโควิด-19' ซึ่งนักวิเคราะห์หรือผู้ค้าทองคำต่างๆ ออกแจกแจงว่าเป็นช่วงปกติที่ราคาทองจะปรับฐาน แต่ราคาก็ยังคงสูงหรืออีกนัยหนึ่งก็คือราคายังอยู่ในช่วง 'ขาขึ้น'

สะท้อนผ่านราคาทองคำในเมืองไทย เมื่อย้อนกลับไปดูสถิติราคาทองคำ 3 เดือนแรกของปี 2564 (ม.ค.-มี.ค.) พบว่า ราคายังมีการปรับลงและผันผวน หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นช่วงที่ ราคาทองกำลังปรับฐานต่อเนื่องมาจากช่วงปลายปีก่อน ซึ่งเฉลี่ยแล้วราคาทองเดือนม.ค. ปรับลดลง 650 บาท , เดือนก.พ. ปรับลง 1,100 บาท และเดือนมี.ค.ปรับลงเพียง 100 บาท

162160018084

ขณะที่ในเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา พบว่าราคาทองคำกลับมาปรับตัวสูงขึ้นอีกครั้ง !! ด้วยปัจจัยหนุนหลายอย่างโดยเฉพาะสถานการณ์ของโควิด-19 ที่กลับมาระบาดรุนแรงอีกระลอก รวมทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่พุ่งสูงขึ้น เป็นต้น

ดังนั้น จึงเกิดคำถามที่ว่า 'ราคาทองคำ' มีโอกาสเห็นกลับไปแตะสถิติสูงสุดเดิม 30,400 บาทต่อบาททองคำได้อีกหรือไม่ ? 

'เสี่ยป๋อง-วัชระ แก้วสว่าง' นักลงทุนเจ้าของพอร์ตระดับ 'พันล้านบาท' ที่มีสไตล์ลงทุนแบบTechnical 'กรุงเทพธุรกิจ BizWeek' ว่า มีมุมมองในสินทรัพย์ประเภททองคำ ว่า ทองคำถือเป็น 'สินทรัพย์ปลอดภัย หรือ Safe Haven' ซึ่งในระยะยาวยังไงทองคำก็เป็นสินทรัพย์ที่ลงทุนที่ดี แต่ในระยะสั้นอาจจะมีการพักฐานบ้าง เนื่องจากปัจจุบันในช่วงที่ผ่านมาราคาทองคำปรับขึ้นมาสูงแล้ว 

อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าหากราคาทองคำสามารถทะลุแนวต้านสำคัญที่ 1,859 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปต่อ และมองว่าระยะกลางในช่วง 3-5 ปี ราคาทองคำยังเป็น 'ขาขึ้น' ซึ่งในระยะยาวสินทรัพย์ประเภททองคำก็ดีกว่า 'บิตคอยน์' (Bitcoin) เนื่องจากบิตคอยน์ราคาผันผวนและไม่มีพื้นฐานรองรับ แต่ต้องยอมรับนักลงทุนรุ่นใหม่จะชื่นชอบการลงทุนบิตคอยน์มากกว่าทองคำเพราะว่าผลตอบแทน (รีเทิร์น) จะช้ากว่ารีเทิร์นบิตคอยน์ 

'ผมเป็นนักลงทุนรุ่นเก่าที่มองการลงทุนทองคำยังเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย และมีรีเทิร์นที่แน่นอนแต่อาจจะช้า ขณะที่นักลงทุนรุ่นใหม่จะไม่ชอบเพราะทองคำเป็นสินทรัพย์ที่รีเทิร์นช้า แตกต่างจากการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างบิตคอยน์ที่รีเทิร์นรวดเร็วทันใจ'

162159986271

เสี่ยป๋อง-วัชระ แก้วสว่าง

'ณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์' ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก วิเคราะห์ให้ฟังว่า ประเมินว่าทิศทางราคาทองคำยังมีความ 'ผันผวน' ต่อเนื่อง แต่มองว่าราคาทองคำตอบสนองต่อข่าวร้ายลดลง แต่ตอบสนองต่อข่าวดีเพิ่มขึ้น ถือเป็นสัญญาณของการกลับตัวเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม มอง '3 ปัจจัย' ที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำของปีนี้คือ 1. ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ หากตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดี มีโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดปริมาณวงเงิน QE ลง 2. ภาวะเงินเฟ้อ หากสถานการณ์เงินเฟ้อมีแนวโน้มพุ่งสูงต่อ มีโอกาสที่เฟดอาจจะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งแรกในการประชุมวันที่ 16 มิ.ย. 2564 ซึ่งถือเป็นการประชุมครั้งแรกของครึ่งปีหลัง 

และ3. คริปโตเคอเรนซี โดยเฉพาะเหรียญเจ้าตลาดอย่าง 'บิตคอยน์' (Bitcoin) ล่าสุด สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าทางการจีนได้สั่งแบนไม่ให้สถาบันการเงินและบริษัทชำระเงินทั้งหลายให้บริการที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมคริปโตเคอเรนซีอย่างเด็ดขาด ส่งผลให้ราคาบิตคอยน์ร่วงหนัก และเกิดแรงเก็งกำไรเข้ามาในทองคำ 

แต่อย่างไรก็ตาม มองว่าหากบิตคอยน์มีราคาเคลื่อนไหวรุนแรงระดับ 20% ขึ้นไปนั้น ถึงจะเริ่มมีผลต่อราคาทองคำอย่างมีนัยสำคัญ แต่หากเคลื่อนไหวระดับ 5-10% มองว่าแทบไม่มีผลต่อราคาทองคำ เพราะว่าหากมีเงินลงทุนไหลออกจากการลงทุนในตลาดคริปโตฯ เงินลงทุนจะต้องเคลื่อนไหวไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ ซึ่งมองสินทรัพย์ที่มีลักษณะคล้ายๆ กันก็จะเป็นตลาดทองคำ 

ดังนั้น ทิศทางราคาทองคำจะหมดรอบขาขึ้นหรือยัง ต้องจับตาผลประชุมของเฟดในวันที่ 16 มิ.ย.นี้ หากผลประชุมเหมือนเดิมไม่ขึ้นดอกเบี้ย ไม่ลดปริมาณทำ QE ราคาทองคำมีโอกาสไตร่ขึ้นไปทดสอบแนวต้านแถวๆ 1,950-1,960 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และยังไม่จบรอบขาขึ้น แต่หากผลประชุมตรงข้าม มองราคาทองคำน่าจะเริ่มจบรอบขาขึ้นในการรีบาวด์ในรอบนี้แล้ว 

'ฐิภา นววัฒนทรัพย์' ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าในตลาด TFEX เปิดเผยว่าในช่วงตลอดเดือน พ.ค.ที่ผ่านมาราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องส่งผลให้บรรยากาศโดยรวม 'คึกคัก' ทั้งในด้านของการซื้อขายออนไลน์ และการซื้อขายในตลาด TFEX รวมถึงเริ่มเห็นผู้คนเริ่มไปต่อคิวซื้อทอง 

เนื่องจากมีกระแสว่าราคาจะปรับขึ้นไปอีก อย่างไรก็ดีการปรับขึ้นมาของราคาทองคำในช่วงนี้มาจาก '2 ปัจจัย' คือ 'ปัจจัยแรก' มาจากการคาดการณ์ว่าเฟดอาจยังไม่เร่งรีบลดวงเงิน QE และขึ้นดอกเบี้ยนโยบายแม้เงินเฟ้อพุ่งขึ้น และ 'ปัจจัยสอง' คือ กองทุน SPDR ซึ่งเป็นกองทุนทองคำขนาดใหญ่เริ่มกลับมาซื้อทองคำ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทำการขายอย่างต่อเนื่อง

162160014860

ฐิภา นววัฒนทรัพย์

สำหรับการปรับขึ้นของราคาทองคำในรอบนี้ทางวายแอลจีมองว่ามีโอกาสที่จะไปทดสอบแนวต้าน 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือประมาณ 28,200 บาทต่อบาททองคำ แต่อย่างไรก็ดีอยากให้นักลงทุน 'ระมัดระวังแรงขายทำกำไรในระยะสั้น' เพราะราคาได้ปรับขึ้นมามากพอสมควรแล้ว หากต้องการเข้าซื้อแนะนำรอจังหวะย่อลงมาที่แนวรับ 1,850 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนวรับถัดไป 1,830 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือประมาณ 27,450-27,150 บาท ต่อบาททองคำ

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยที่ต้องจับตามองคือการประชุมของเฟดกลางเดือนหน้าว่าจะส่งสัญญาณหรือมีความคืบหน้าเกี่ยวกับนโยบายดอกเบี้ย หรือการลดวงเงิน QE หรือไม่ เพราะหากสัญญาณออกมาตรงกันข้ามกับที่ตลาดคาดการณ์ก็อาจจะกระทบต่อสถานการณ์ราคาทองคำได้ ส่วนปัจจัยในประเทศที่มีผลต่อราคาทองคำคือค่าเงินบาทที่อ่อนค่าในขณะนี้ ส่งผลให้ราคาทองคำในประเทศปรับตัวขึ้นมาสูง ซึ่งเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ร้านทองต่างๆมีความคึกคักเป็นพิเศษ