CHG - ถือ (21 พ.ค.64)

CHG - ถือ (21 พ.ค.64)

ราคาหุ้นสะท้อนแนวโน้มบวกไปเรียบร้อยแล้ว

Event

ประชุมนักวิเคราะห์หลังผลประกอบการ 1Q64

lmpact

ผลการดำเนินงานน่าพอใจใน 1Q64 และแนวโน้มยังเป็นบวกใน 2Q64

ผลประกอบการของ CHG ใน 1Q64 ออกมาน่าพอใจ โดยมีกำไรสุทธิ 252 ล้านบาท (+35.0% YoY, -0.8% QoQ) คิดเป็น 23.6% ของประมาณการกำไรใหม่สำหรับปีนี้ของเราที่ 1.07 พันล้านบาท ซึ่งปัจจัยที่ช่วยหนุนผลประกอบการไตรมาสนี้คือ ค่าใช้จ่าย SG&A ต่ำกว่าที่คาดไว้ โดยรายได้อยู่ที่ 1.42 พันล้านบาท (+7.4% YoY แต่ -6.3% QoQ) โดยรายได้จากบริการ OPD, SSO และ NHSO เพิ่มขึ้น 15.2%, 6.3% และ 62.6% YoY ในขณะที่รายได้จากบริการ IPD ลดลง 10.1% YoY ทั้งนี้ CHG มีรายได้จากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 ประมาณ 100 ล้านบาท (7% ของรายได้จากธุรกิจโรงพยาบาล) ส่วนแนวโน้มใน 2Q64 เราคาดว่าผลประกอบการของ CHG จะยังคงแข็งแกร่ง YoY เนื่องจาก i) ฐานที่ต่ำใน 2Q63 ii) COVID-19 กลับมาระบาดระลอกสาม iii) ยังคงรับรู้รายได้ค่าบริหารโรงพยาบาลจาก a) โรงพยาบาลรัฐในพัทยาและเกาะล้าน และ b) ศูนย์โรคหัวใจสิรินธร (เพิ่มเป็น 70 ล้านบาท จาก 55 ล้านบาทใน 1Q64) และ iv) คุมค่าใช้จ่าย SG&A ไว้ได้ที่ระดับต่ำกว่า 12% ของรายได้

เรายังคงมองบวกกับแนวโน้มของ CHG

เรายังคงมองบวกกับ CHG โดยปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญได้แก่ i) ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 304 และรวมแพทย์ ฉะเชิงเทรา (น่าจะถึงจุดคุ้มทุนใน 1H64) และ ii) รายได้การบริหารโรงพยาบาล ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าโรงพยาบาลแบบดั้งเดิมของ CHG

ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี FY64-65 ขึ้นอีก 4.4% และ 2.3%

เราคาดว่า CHG จะสามารถคุมสัดส่วน SG&A/รายได้ อย่างมีประสิทธิภาพอยู่ที่ 12.0% ในปีนี้ และ 12.5% ในปีหน้า (จากเดิมที่คาดไว้ที่ 12.9% และ 13.0%) ดังนั้น เราจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2564 เป็น 1.07 พันล้านบาท (+21.6% YoY) และปี 2565 เป็น 1.22 พันล้านบาท (+14.1% YoY)

Valuation & Action

เราชอบ CHG เนื่องจาก i) คาดว่ากำไรจะเติบโตอย่างต่อเนื่องที่อัตรา 17.9% CAGR ในช่วงปี 2564-65F และ ii) ROE ปี 2563 สูงถึง 20.9% และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 23.0% และ 23.5% ในปี 2564-65F แต่ราคาหุ้น CHG ปรับตัวขึ้นมามาก (+40.7% YTD) ทำให้เหลือ upside อีกเพียง 2.6% เทียบกับราคาเป้าหมาย DCF ปี 2565 ใหม่ของเราที่ 3.55 บาท (ใช้ WACC ที่ 7.9% และ TG ที่ 3.0%) จากเดิม 3.40 บาท ดังนั้น เราจึงปรับลดคำแนะนำเป็น “ถือ” (จาก “ซื้อ”)

Risks

COVID-19 ระบาด, เศรษฐกิจชะลอตัวลง และปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองไทยรอบใหม่