'นายกฯ' สั่งคุมเข้มชายแดน ห้าม 'โควิด' สายพันธุ์ใหม่ ข้ามมา

'นายกฯ' สั่งคุมเข้มชายแดน ห้าม 'โควิด' สายพันธุ์ใหม่ ข้ามมา

'พล.อ.ประยุทธ์' กำชับ 'ทหาร-ตำรวจ' เข้มงวดชายแดน ป้องกันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ยาเสพติดและการค้ามนุษย์ที่อาจเข้ามาพร้อมโควิดสายพันธุ์ใหม่ โดยให้มีมาตรการคัดกรองโรคเข้ม

20 พ.ค.2564 พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม  เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นรม.และรมว.กห. ได้สั่งการ ฝ่ายความมั่นคง ทหารและตำรวจ ในที่ประชุมสภากลาโหม ให้สนับสนุนการทำงานของรัฐบาลเพิ่มความเข้มงวดคุมเข้มเฝ้าระวังและสกัดกั้นชายแดน ป้องกันการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ยาเสพติดและการค้ามนุษย์ที่อาจเข้ามาพร้อมโควิดสายพันธุ์ใหม่ โดยให้มีมาตรการคัดกรองโรคเข้มข้นต่อเนื่องควบคู่กันไป  ทั้งนี้ให้ประสานสืบจับกุมทำลายเครือข่ายและดำเนินการทางกฎหมายกับนายทุน ผู้ลักลอบและนำพาอย่างจริงจัง  ทั้งนี้ หากมีเจ้าหน้าที่รัฐในทุกระดับเข้าไปเกี่ยวข้อง จะดำเนินการทั้งทางวินัยและทางอาญาอย่างเด็ดขาด ไม่มีการละเว้น

ภาพรวม การปฏิบัติของหน่วยงานความมั่นคง ทหารและตำรวจ ที่ผ่านมา  ได้เพิ่มกำลังสกัดกั้นและความถี่การลาดตระเวนมากขึ้น  ร่วมกับการวางเครื่องกีดขวาง จัดตั้งจุดตรวจและกวาดล้างจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายตามแนวชายแดนและพื้นที่ชั้นได้อย่างต่อเนื่อง  โดย ตั้งแต่ ธ.ค.63 จนถึงปัจจุบัน มีการจับกุมทั้งสิ้น 2,122 ครั้ง สามารถจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายได้ จำนวน 18,039 คน เป็นผู้นำพา  243 คน  ( ชาวเมียนมา 8,010 คน ลาว 1,345 คน  กัมพูชา 5,977คน มาเลเซีย 37 คน ชาวไทย 1,851 คน และสัญชาติอื่นๆ 576 คน )  

โดยเป็นการจับกุมในพื้นที่ชายแดนได้กว่า 15,000 คน และพื้นที่ตอนในเกือบ 3,900 คน  ซึ่งจากสถิติผลการจับกุมรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา พบมีความสัมพันธ์กับสถานการณ์ประเทศเพื่อนบ้านและความต้องการแรงงานจากภาคธุรกิจไทย โดยเฉพาะสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและการสู้รบในเมียนมา  มีผลให้การจับกุมผู้ลักลอบเข้าเมืองได้มากขึ้น ในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา  อย่างไรก็ตามฝ่ายความมั่นคง ยังคงให้ความสำคัญและปฏิบัติงานร่วมกันโดยไม่ประมาท โดยเฉพาะการเฝ้าระวังอย่างเข้มข้นในพื้นที่ชายแดนด้านมาเลเซียและเมียนมา ที่มีแนวโน้มเสี่ยงต่อการข้ามมาของโควิท-19 สายพันธ์ที่ยังไม่พบการแพร่ระบาดในไทยพร้อมกับผู้ลักลอบเข้าเมือง