SAWAD ไตรมาส1/64 กำไรพุ่ง 29% ลุยขยายสาขา

SAWAD ไตรมาส1/64 กำไรพุ่ง 29% ลุยขยายสาขา

SAWAD ไตรมาส1 ปี64 โชว์กำไรสุทธิกว่า 1.4 พันล้านบาทพอร์ตลูกหนี้แตะ3.4 หมื่นล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายการดำเนินงานลดลงเกือบ8% พร้อมประมาณการกำไรทั้งปีเติบโต 20% เดินหน้าขยายสาขาครอบคลุมทั่วประเทศเป็น 6 พันสาขา

นางสาวดวงใจ แก้วบุตตา กรรมการผู้จัดการบริษัทศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน)หรือ SAWAD เปิดเผยว่า  ผลการดำเนินงานไตรมาส 1 ปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม2564 บริษัทและบริษัทย่อยมีผลกำไรรวมสุทธิ 1,422.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 321.55 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 29.22%   เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ  1,100.62 ล้านบาท

โดยบริษัทมีรายได้รวม 2,806 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 20 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 0.7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 2,786 ล้านบาท โดยมีรายได้อื่น 905.35 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 205.68 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 29.40% เทียบกับรายได้อื่นงวดเดียวกันของปีก่อน 699.67 ล้านบาท  ซึ่งมีอัตราการเติบโตค่อนข้างสูง เนื่องจากบริษัทได้มีการปรับเปลี่ยนประเภทของเงินลงทุนในบริษัทย่อย ( บริษัท เงินสดทันใจ จำกัด) เป็นบริษัทร่วม

ทั้งนี้สิ้นสุดไตรมาส1/64บริษัทปรับเปลี่ยนประเภทของเงินลงทุนในบริษัทย่อย ( บริษัท เงินสดทันใจ จำกัด) เป็นบริษัทร่วมมีผลทำให้จำนวนพอร์ตลูกหนี้ลดลงจาก 42,266 ล้านบาท เหลือ34,755 ล้านบาท บาท เนื่องจากบริษัทไม่ได้นำลูกหนี้ที่อยู่ในบริษัทร่วม ( บริษัท เงินสดทันใจ จำกัด ) มารวมแสดงอยู่ในงบการเงินรวมของบริษัท 

 

นางสาวดวงใจ กล่าวต่อว่า ผลงานไตรมาสแรกเกินเป้าหมายSAWAD ทำกำไรสุทธิโตกว่า29% แม้จะมีการลดดอกเบี้ยเพื่อดูแลลูกค้าในช่วงสถานการณ์โควิด-19 แต่บริษัทก็มีรายได้อื่นๆ และค่าบริการที่เพิ่มขึ้นมาชดเชยได้

นอกจากนี้กลุ่มศรีสวัสดิ์ยังมีการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 916.37 ล้านบาท ลดลงกว่า 78.66 ล้านบาทหรือลดลง 7.91%  จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 995.03 ล้านบาท   

สำหรับตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)ของบริษัทสิ้นสุดไตรมาสแรกปี 2564 อยู่ที่ระดับ4.22% ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนเอ็นพีแอลอยู่ที่ระดับ4.99% 

อย่างไรก็ตามแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2564  บริษัทคาดว่ารายได้และพอร์ตลูกหนี้จะเติบโต 20%  รวมทั้งประมาณการว่ากำไรจะเติบโตอย่างน้อย 20%  โดยปีนี้กลุ่มศรีสวัสดิ์มีความพร้อมสูงในการแข่งขันทุกรูปแบบ เพราะช่วงที่ผ่านมามีการปรับโครงสร้างธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ขณะที่รายได้จากค่านายหน้าขายประกัน(โบรกเกอร์)ก็มีแนวโน้มการเติบโตในอัตราที่สูง