ไทยหนุนนิวซีแลนด์ออกแถลงการณ์ร่วมเอเปคขับเคลื่อนการค้าฝ่าวิกฤตโควิด

ไทยหนุนนิวซีแลนด์ออกแถลงการณ์ร่วมเอเปคขับเคลื่อนการค้าฝ่าวิกฤตโควิด

“จุรินทร์”หารือรมว.การค้านิวซีแลนด์  หนุนความร่วมมือเอเปคขับเคลื่อนการค้าในสถานการณ์โควิด-19 เน้นต้องไม่จำกัดการส่งออกวัคซีนโควิด พร้อมขอให้นำเข้าสินค้าจำเป็นในช่วงโควิด และสินค้าเกษตร ทั้งลิ้นจี่ ทุเรียน ลำไย และมังคุด เพิ่มขึ้น

นายจุรินทร์  ลักษณวิศิษฏ์  รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดภายหลังการหารือทางโทรศัพท์กับนายเดเมียน โอ คอนเนอร์ รัฐมนตรีกระทรวงการค้าและการส่งออกของนิวซีแลนด์  ผ่านระบบ VDO Conference ว่า ได้หารือเกี่ยวกับการเป็นเจ้าภาพการประชุมกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชียแปซิฟิก หรือเอเปค ซึ่งไทยจะรับไม้ต่อเป็นเจ้าภาพต่อจากนิวซีแลนด์ในปีหน้า  โดยยินดีและพร้อมสนับสนุนนิวซีแลนด์ในการจัดทำแถลงการณ์ร่วม รัฐมนตรีการค้าเอเปค ปฏิญญาเอเปคเรื่องห่วงโซ่อุปทานวัคซีนโควิด-19 โดยกำหนดให้สมาชิกในกลุ่มประเทศเอเปค จะไม่จำกัดการส่งออกวัคซีนโควิด ยกเว้นมีข้อจำกัดตามที่ดับบลิวทีโอ กำหนดไว้เท่านั้น และร่างปฏิญญาเอเปคเรื่องการบริการเพื่อสนับสนุนการเคลื่อนย้ายสินค้าที่มีความจำเป็น เช่น เครื่องมือแพทย์ วัคซีน อาหาร สินค้าเกษตร หรือสินค้าเครื่องใช้ในบ้านในยุค New Normal ซึ่งแถลงการณ์และปฏิญญาข้างต้น มีเนื้อหาที่กำหนดให้การค้าเป็นปัจจัยสำคัญในการช่วยแก้ปัญหาสถานการณ์โควิด-19 ควบคู่กับการฟื้นฟูเศรษฐกิจในเอเปค

162123238883

นายจุรินทร์ กล่าวว่า นอกจากนี้ตนยังได้ตอบรับเข้าร่วมการประชุมเอเปคในวันที่ 4 –5มิ.ย. โดยการประชุมวันที่ 4 มิ.ย.เป็นการประชุมรัฐมนตรีการค้าร่วมกับสภาธุรกิจเอกชนเอเปคซึ่งการประชุมวันนั้นจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม 1.การรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจ 2.เรื่องการรับมือเศรษฐกิจต่อวิกฤติโควิด 3.กลุ่มที่ว่าด้วยการฟื้นตัวเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนหลังสถานการณ์โควิด โดยไทยจะเข้าประชุมร่วมในกลุ่มที่ การรับมือทางด้านเศรษฐกิจต่อสถานการณ์โควิดปัจจุบัน ส่วนการประชุมวันที่ 5 มิ.ย.เป็นการประชุมระดับรัฐมนตรีโดยเฉพาะของกลุ่มประเทศเอเปค

ทั้งนี้ได้มีการหารือเรื่องอื่นๆ โดยทางนิวซีแลนด์ขอให้ประเทศไทยช่วยสนับสนุนการนำเข้าเมล็ดพันธุ์หอมใหญ่ของนิวซีแลนด์ตามข้อตกลงเอฟทีเอไทย-นิวซีแลนด์ ที่ไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าหรือภาษีเป็นศูนย์ ซึ่งขณะนี้ไทยยังดำเนินการไม่ครบถ้วน ซึ่งตนจะนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในเดือนก.ค. ในส่วนของไทยได้ขอให้ทางนิวซีแลนด์ช่วยนำเข้าสินค้าที่จำเป็นต่อสถานการณ์โควิดเพิ่มเติมมากขึ้นจากการนำเข้าปกติที่ผ่านมา โดยขอให้นำเข้าสินค้าที่เกี่ยวข้องกับทางการแพทย์เช่น ถุงมือยาง ผลิตภัณฑ์ยาง อาหารแปรรูป อาหารสัตว์เลี้ยง ผลไม้ เช่นลิ้นจี่ ลำไย มะม่วง มังคุด เพราะผ่านการตรวจสอบด้านสุขอนามัยจากนิวซีแลนด์เรียบร้อยแล้ว และทางนิวซีแลนด์ให้การรับรองแล้ว ขอให้นำเข้าเพิ่มเติมเป็นพิเศษนอกจากผลไม้ชนิดอื่นๆที่มีการนำเข้าโดยปกติ

ทั้งนี้เอเปคเป็นความร่วมมือทางเศรษฐกิจร่วมกันของกลุ่มประเทศในเอเชียและแปซิฟิคจำนวน 21 ประเทศ ก่อตั้งตั้งแต่ปี 2532 มูลค่าการค้าของไทยกับเอเปคปีละประมาณ 10 ล้านล้านบาท คิดเป็น 70% ของมูลค่าการค้าของไทยต่อการค้ารวมกับทุกประเทศในโลก 

สำหรับปี 2563 การค้ารวมระหว่างไทยกับนิวซีแลนด์ มีมูลค่า 1,941.07 ล้านดอลลาร์ โดยไทยส่งออกไปนิวซีแลนด์ มูลค่า 1,250.12 ล้านดอลลาร์และนำเข้าจากนิวซีแลนด์ มูลค่า 690.95 ล้านดอลลาร์ ในช่วงไตรมาสแรก (ม.ค. มี.ค.) ปี 2564 การค้าระหว่างไทย-นิวซีแลนด์อยู่ที่ 645.74 ล้านดอลลาร์ มีอัตราการขยายตัว 12.11%  เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2563 เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น สินค้าส่งออกสำคัญของไทย เช่น รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ตู้เย็น ตู้แช่แข็งและส่วนประกอบ เครื่องสำอาง สบู่ และผลิตภัณฑ์รักษาผิว ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูป เป็นต้น ส่วนสินค้านำเข้าสำคัญจากนิวซีแลนด์ เช่น นมและผลิตภัณฑ์นม ผัก ผลไม้และของปรุงแต่งที่ทำจากผัก ผลไม้ กระดาษและผลิตภัณฑ์กระดาษ อาหารปรุงแต่งสำหรับใช้เลี้ยงทารก เนื้อสัตว์ เยื่อกระดาษและเศษกระดาษ เป็นต้น