แนะเอกชนงัดมาตรการจูงใจพนักงานฉีดวัคซีน

(ชมคลิปข่าวด้านล่าง) หอการค้าไทย คาด มิ.ย.ประชาชนสนฉีดวัคซีนมาก ห่วงพ้น 40% จะแผ่วลง แนะอัดแคมเปญ ลุยสร้างความเชื่อมั่นประชาชน ทำคอนเทนท์ "ซิงเกิล แมสเสจ"

หอการค้าไทย คาด มิ.ย.ประชาชนสนฉีดวัคซีนมาก ห่วงพ้น 40% จะแผ่วลง แนะอัดแคมเปญ ลุยสร้างความเชื่อมั่นประชาชน ทำคอนเทนท์ "ซิงเกิล แมสเสจ" ส.อ.ท.ย้ำหลายธุรกิจจำเป็นต้องฉีด แนะนายจ้างสร้างแรงจูงใจ เงินเพิ่ม 1-2 พันบาท ให้โบนัสพนักงานที่ฉีด หนุนใช้พาสปอร์ตวัคซีนเพิ่มสิทธิผู้ฉีด "ท่องเที่ยว" ชูแคมเปญ "V for Thailand" สทท.เสนอใช้สัญลักษณ์ "ไทยพร้อม" ผูู้ได้รับวัคซีนแล้ว

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า จากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศให้เรื่องการจัดหาและการฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติ โดยตั้งทีมไทยแลนด์ทำงานร่วมกันทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อบูรณาการการสื่อสารในสถานการณ์วิกฤติของประเทศ มุ่งเน้นสื่อสารกับประชาชนทั้งประเทศ โดยเรื่องการจัดหาและการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึงและรวดเร็ว โดยเมื่อวันที่12 พ.ค. นพ.ณรงค์ สายวงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนภาครัฐในเรื่องการสื่อสาร ได้ร่วมประชุมออนไลน์กับทีมภาคเอกชน ประกอบด้วย Unilever, Google, Line, Facebook, VGI, True, CP พร้อมด้วย หอการค้าไทย เพื่อสนับสนุนการทำงานด้านการสื่อสารของภาครัฐ ให้บรรลุเป้าหมายสุดท้ายร่วมกัน คือ สามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประเทศ โดยมีประชาชนเข้ารับการฉีดวัคซีน 70% ของประชากรไทย หรือราว 50 ล้านคน ภายในสิ้นปี 2564

ขณะนี้ประชาชนยังมีความกังวลเกี่ยวกับอาการไม่พึงประสงค์หลังการฉีดวัคซีน ประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีน การเตรียมความพร้อมก่อนการฉีด เพื่อคลายความกังวลในเรื่องอาการไม่พึงประสงค์ที่อาจจะเกิดขึ้น การลงทะเบียนเพื่อยืนยันการฉีดวัคซีน และแผนการกระจายการฉีดวัคซีนตามกลุ่มเป้าหมายและตามความเร่งด่วน ดังนั้นจำเป็นต้องเร่งสร้างความเข้าใจ ขจัดความสับสนและสร้างความเชื่อมั่น

"สิ่งสำคัญที่ต้องเร่งทำขณะนี้ คือ การสร้างการรับรู้ ทำความเข้าใจที่ถูกต้องจนเกิดความเชื่อมั่น ไม่ใช่เกิดความรู้สึกว่า ฉีดวัคซีนแล้วเสียชีวิต ก่อนเพื่อให้การฉีดวัคซีนเป็นไปตามแผนที่กำหนดเพื่อให้เราเปิดประเทศได้ตามเป้าหมาย" เร่งสื่อสาร"ซิงเกิล แมสแสจ"

นายสนั่น กล่าวว่า ที่ประชุมได้หารือถึงช่องทางการสื่อสารทั้ง On ground, Online, On air และ On print ซึ่งภาคเอกชนสนับสนุนภาครัฐได้ โดยทีมของหอการค้าไทยจะไปทำแผนการสื่อสารประชาสัมพันธ์เพิ่มเติมเพื่อให้เกิดการบูรณาการที่สมบูรณ์ อาทิ ช่องทางการสื่อสารที่หลากหลาย การดึง Key Influencer ทั้งระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ มาร่วมกันสร้างความเชื่อมั่น จากนั้นจะหารือกับกระทรวงสาธารณสุข ผู้แทนสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี ร่วมทำแผนประชาสัมพันธ์ในรูปแบบ Single Message เพื่อให้การสื่อสารเป็นเอกภาพ

ทั้งนี้ เอกชนพร้อมที่จะแชร์ข้อมูลที่จำเป็น โดยเฉพาะแผนการจัดหาและแผนฉีดวัคซีน ขั้นตอนการลงทะเบียน ข้อควรรู้สำหรับผู้ที่จะรับวัคซีน ข้อมูลความรู้เชิงวิชาการ เพื่อให้เป็นข้อมูลพื้นฐานที่ถูกต้องและเชื่อถือได้ จากแหล่งข้อมูลภาครัฐ เบื้องต้นเริ่มประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อวิทยุ โทรทัศน์ สื่อโซเซียล ยูทูบ บิลบอร์ด ฯลฯ เชิญชวนให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าฉีดวัคซีน ในรูปแบบต่างๆ เน้นสร้างความเข้าใจ ความรู้ การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีน ซึ่งการออกประชาสัมพันธ์ทั้งภาครัฐและเอกชนต้องไปทิศทางเดียวกัน

ส่วนเรื่องสร้างแรงจูงใจน่าจะเป็นหลังจากนี้ โดยจะทำเป็นขั้นตอนและมีการประเมินเป็นช่วง คาดว่าช่วงแรกเดือน มิ.ย. จะมีประชาชนแห่เข้ามาฉีดวัคซีนจำนวนมาก แต่ผ่านไประยะหนึ่งจะเริ่มน้อยลง ตรงนี้จะต้องคิดเคมเปญสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนสนใจเข้ามาฉีดวัคซีน เช่นเดียวกับในต่างประเทศพบว่าเมื่อฉีดไป 40% ประชาชนก็เริ่มเข้ามาฉีดน้อยลง จึงต้องมีการจัดโปรโมชั่น โดยเฉพาะพนักงานบริษัทบางคนอาจสมัครใจฉีดบางคนยังกลัวก็ต้องสร้างแรงจูงใจให้มาฉีด

ทั้งนี้ทีมงานของหอการค้าไทยได้มีการวิเคราะห์ประชาชนออกเป็นกลุ่มต่างๆ เพื่อหาคอนเทนท์ให้ตรงกับกลุ่มนั้น เพื่อให้สนใจและเข้าถึงได้ง่าย โดยการประชาสัมพันธ์จะเริ่มโหมโรงต้นเดือน มิ.ย.ที่วัคซีนเข้ามาไทยมากขึ้น

นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ปัญหาหลักของการกระจายวัคซีนโควิด-19 ขณะนี้ คือ ประชาชนมาลงทะเบียนฉีดวัคซีนอยู่น้อย จากเป้าหมายฉีดวัคซีนล่วงหน้า 16 ล้านคน แต่ลงทะเบียนเพียง 3 ล้านคน ซึ่งตรงกับการสำรวจผู้ประกอบการของ ส.อ.ท.ที่พบว่ามีพนักงานในโรงงานมาลงทะเบียนฉีดวัคซีนเพียง 30-40% ยังมีพนักงานอีกเป็นจำนวนมากที่ยังไม่มั่นใจ

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการพร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐเต็มที่ในการลงไปให้ความรู้ความเข้าใจพนักงาน และสร้างความมั่นใจ ซึ่งเริ่มจากตัวเจ้าของกิจการ หัวหน้างานทุกระดับนำร่องฉีดวัคซีนก่อนเป็นแบบอย่าง รวมทั้งออกมาตรการจูงใจ เช่น พนักงานให้ความร่วมมือฉีดวัคซีนก็จะได้คะแนนเพื่อนำไปพิจารณาในการปรับขึ้นเงินเดือน และโบนัสช่วงปลายปี

ส่วนบางโรงงานที่จำเป็นต้องเร่งฉีดวัคซีน โดยเฉพาะโรงงานอาหารแปรรูป หรือโรงงานอื่น ๆ ที่คู่ค้าต่างประเทศให้ความสำคัญในเรื่องสุขอนามัยสูง และมีความเป็นห่วงในการแพร่ระบาดของโควิดก็อาจจะจูงใจโดยเพิ่มเงินให้พนักงาน เช่น ฉีดวัคซีนครบจะได้เงินเพิ่มเข็มละ 500-1,000 บาท จากมาตรการพิจารณาปรับขึ้นเงินเดือนและโบนัส เพราะเมื่อลูกค้ามั่นใจ ก็จะสั่งซื้อสินค้าเพิ่ม และนำรายได้เพิ่มมากระจายให้กับพนักงานเพิ่มขึ้นได้

ส.อ.ท.ยังสนับสนุนมาตรการวัคซีนพาสปอร์ต หรือการออกใบรับรองให้กับผู้ที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบ เป็นเครื่องยืนยันในการเข้าไปใช้บริการในสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร ผ่านเข้าไปในพื้นที่สีแดงที่มีการระบาดสูงได้ และการเดินทางไปต่างประเทศ หรือเข้าประเทศโดยไม่มีการกักตัว เพื่อจูงใจให้ประชาชนเข้ามาฉีดวัคซีนมากขึ้น ทั้งมาตรการของภาครัฐและเอกชนเชื่อว่าอัตราการฉีดวัคซีนจะเพิ่มขึ้นอีกมาก

ในส่วนของภาครัฐก็ต้องเร่งทำการประชาสัมพันธ์ผ่านทางทุกช่องทางให้ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องกับประชาชน เพราะขณะนี้มีข่าวลือ ข่าวเท็จในโลกออนไลน์จำนวนมากที่ทำให้ประชาชนหวาดกลัว รวมทั้งนำโมเดลของจังหวัดลำปาง ที่ให้เจ้าหน้าที่รัฐออกไปรณรงค์ถึงหน้าประตูบ้าน ปูพรมให้ความเข้าใจอย่างทั่วถึง จึงทำให้ประชาชนเข้ามาลงทะเบียนฉีดวัคซีนเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ

"รัฐบาลได้เร่งจัดหาวัคซีนจนเพียงพอในระดับหนึ่งแล้ว ร่วมกับเอกชนจัดพื้นที่ฉีดวัคซีนได้ครอบคลุมทั่วประเทศ จัดระบบบริหารจัดการวัคซีนได้ตามเป้าหมาย แต่หากไม่สามารถทำให้ประชาชนมั่นใจออกมาฉีดวัคซีนได้สิ่งต่างๆ ที่ทำไปก็จะไร้ผล" นายเกรียงไกร กล่าว

จะเห็นได้จากหลายประเทศที่มีปัญหาในการกระจายฉีดวัคซีน เช่น อินเดีย และญี่ปุ่น ก็มีปัญหาโควิด-19 กลับมาระบาดอย่างหนัก หรือประเทศที่ฉีดวัคซีนได้จำนวนมาก เช่น อิสราเอล สหรัฐ อังกฤษ ที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่และอัตราการตายลดลงมาก ทำให้เริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้ ทำให้ภาวะเศรษฐกิจกลับมาดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
ชูแคมเปญ "V for Thailand-ไทยพร้อม"

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท.จะจัดแคมเปญ "V for Thailand" ซึ่งตัวอักษร V ย่อมาจากคำว่า วัคซีน (Vaccine) และอีกนัยหนึ่งแฝงถึงคำว่า ชัยชนะ (Victory) ของการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของคนไทย หลังจาก ททท.ได้เสนอขอวัคซีนจากภาครัฐประมาณ 3.5 ล้านโดส มาฉีดให้แก่บุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวภายในเดือน ก.ค.นี้

นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) กล่าวว่า สทท.จะสนับสนุนและร่วมรณรงค์ให้บุคลากรในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวออกมาฉีดวัคซีนมากที่สุด โดยเฉพาะในพื้นที่นำร่องเปิดประเทศ 10 พื้นที่ ซึ่งเตรียมรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ฉีดวัคซีนครบแล้วเดินทางเที่ยวไทยแบบไม่กักตัว ตั้งแต่ไตรมาส 3 นำร่องผ่านโครงการภูเก็ต ทัวริสซึ่ม แซนด์บ็อกซ์ วันที่ 1 ก.ค. และไตรมาส 4 อีก 9 จังหวัด ได้แก่ กระบี่ พังงา สุราษฎร์ธานี ชลบุรี เชียงใหม่ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ บุรีรัมย์ และ กรุงเทพฯ เริ่มวันที่ 1 ต.ค.

"การปรับแผนฉีดวัคซีนของภาครัฐ สทท.เชื่อว่าจะส่งผลดี โดยเฉพาะความเชื่อมั่นของประชาชน เอื้อต่อการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอีกด้วย เพราะวัคซีนคือคำตอบในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ต้องเร่งฉีดวัคซีนให้ได้ 70% ของประชากรเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ในการดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมาใช้จ่ายท่องเที่ยวไทยอีกครั้ง"

นอกจากนี้ ขอเสนอให้ภาครัฐออกแคมเปญ "ไทยพร้อม" ด้วยการมอบสัญลักษณ์แก่คนไทยที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว อาจจะเป็นริบบิ้น ริสต์แบนด์ หรืออื่นๆ เพื่อติดไว้กับตัวให้คนทั่วไปทราบว่าคนคนนั้นฉีดวัคซีนแล้วเรียบร้อย

นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องดีที่ภาครัฐมีการปรับแผนฉีดวัคซีน โดยเฉพาะช่องทางการเข้ารับวัคซีนเป็นหมู่คณะ เช่น ในโรงงานหรือสถานประกอบการขนาดใหญ่ ทำให้ผู้ประกอบการโรงแรมสามารถนัดรวมตัวพนักงานไปฉีดวัคซีน และทราบจำนวนว่าได้รับการฉีดแล้วมากน้อยแค่ไหน

"บุคลากรในภาคท่องเที่ยวและโรงแรมพร้อมเป็นด่านหน้าในการฉีดวัคซีน เพราะสามารถนำไปสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยวที่เข้าพักโรงแรมหรือใช้บริการท่องเที่ยวต่างๆ ได้ทันที"

นายสุรช ลำซ่ำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า นโยบายของรัฐโดยให้ประชาชนวอล์คอินเพื่อรับวัคซีนได้ เป็นการเพิ่มโอกาสเข้าถึงวัคซีน ลดการระบาด และเร่งเวลาฟื้นฟูเศรษฐกิจ เป็นสัญญาณที่ดีสำหรับนักลงทุนว่าเศรษฐกิจจะขับเคลื่อนในเร็ววัน แต่ที่ต้องระวัง คือถ้ามีคนติดเชื้อเพิ่มขึ้นเพราะการมาฉีดวัคซีน รัฐบาลจะอาการหนักกว่าเดิม

"คนติดเชื้อเพิ่มขึ้นแน่ถ้าให้วอล์คอินโดยไม่ต้องจองล่วงหน้า การจัดการฉีดวัคซีนให้ประชาชนควรกระจายจุดให้มากที่สุด และไม่ควรจะจำกัดเวลา 8 โมงเช้า ถึง 4 โมงครึ่ง การเอาคนไปรวมกันเยอะเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างที่สุด"

ทั้งนี้ควรดึงเอกชนทั้งโรงพยาบาลเอกชน คลินิก ร้านขายยา ฯลฯ ที่มีความสามารถในการฉีดเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการฉีดได้ง่ายและเร็วที่สุด ลดขั้นตอนต่างๆ อย่างหน่วยงานที่ กทม.ที่จัดมาฉีดในชุมชนคลองเตย ประชาชนใช้เวลาค่อนข้างมากในการไปรับคิว และรอคิวกว่าจะฉีดใช้เวลา 2-3 ชม.

"โควิดคงจะอยู่ไปอีกนาน ฉีดวัคซีนให้หมดทั้งประเทศก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโควิดเลย การฉีดวัคซีนเยอะขึ้นไม่ได้เกี่ยวกับความมั่นใจในการลงทุน รัฐบาลจะทำอย่างไร ให้เราอยู่กับโควิดได้ โดยมาตรการต่างๆ สามารถทำให้บริษัทขับเคลื่อนและทำธุรกิจได้"

นายนราธิป วิรุฬห์ชาตะพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท โมบาย จำกัด กล่าวว่า การทำให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนเป็นวาระเร่งด่วนนอกเหนือจากมาตรการด้านเศรษฐกิจ ภาคเอกชนหวังว่ารัฐบาลจะทำได้เร็วขึ้นกว่านี้มากๆ และระยะยาวหวังว่าจะควบคุมผู้ติดเชื้อมีจำนวนน้อยลงได้ตามลำดับ