เปิดขั้นตอน ‘โมเดอร์นา’ 'วัคซีนโควิด-19' ทางเลือก จ่ายเองฉีดรพ.เอกชน

เปิดขั้นตอน ‘โมเดอร์นา’ 'วัคซีนโควิด-19' ทางเลือก จ่ายเองฉีดรพ.เอกชน

“โมเดอร์นา” "วัคซีนโควิด-19" ทางเลือกตัวแรกที่ผ่านการรับรองจากอย. และทางโรงพยาบาลเอกชนจะสามารถสั่งซื้อได้ผ่าน อภ. เพื่อนำไปกระจายฉีดให้แก่ประชาชน โดยวัคซีนตัวนี้ผู้สนใจฉีดต้องจ่ายเงินเอง

“โมเดอร์นา”วัคซีนตัวที่ 4 ของไทยที่ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้รับรองการขึ้นทะเบียนตำรับยา หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ รับรองวัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกา ซิโนแวค และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน 

วัคซีน “โมเดอร์นา" เป็นวัคซีนสัญชาติอเมริกา มีใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับยาแผนปัจจุบัน ระบุว่า ชื่อยา “โมเดอร์นา วัคซีนโควิด-19 /covid-19 vaccine moderna ตามแบบ ย.1 เลขรับที่ 1C 90006/64 (NB) รูปแบบยา DISPERSION FOR INJECTION ลักษณะยา น้ำยากระจายตัวสีขาวถึงสีออกเหลืองอ่อน ประเภทยา เป็นยาควบคุมพิเศษ

  • รู้จัก “โมเดอร์นา” ก่อนเลือกฉีด

เว็บไซต์ของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (Centers for Disease Control and Prevention หรือ CDC) ได้เปิดเผยรายงานข้อมูลและความปลอดภัยของวัคซีน “โมเดอร์นา” ไว้ดังนี้ วัคซีน “โมเดอร์นา” มีชื่อว่า  mRNA-1273 ซึ่ง mRNA เป็นเทคโนโลยีวัคซีนรูปแบบใหม่ที่พัฒนาขึ้นเพื่อป้องกันโรคติดเชื้อโดยมี ModernaTX, Inc. เป็นบริษัทผู้ผลิต เป็นวัคซีนประเทศ โดยการฉีดนั้นต้องฉีดจำนวน 2 เข็มห่างกัน 1 เดือน (28 วัน) โดยวัคซีนชนิดนี้

ข้อมูลจากเว็บไซต์เดอะ การ์เดียน เผยแพร่รายงานสำรวจรายได้จากการจำหน่าย "วัคซีนโควิด-19"  ระบุว่าโมเดอร์นา ปัจจุบัน สหราชอาณาจักรสั่งซื้อ 17 ล้านโดส สหภาพยุโรป (อียู)สั่งซื้อ 310 ล้านโดส พร้อมเงื่อนไขให้ซื้อเพิ่มได้อีก 150 ล้านโดสในปี 2565 ขณะที่สหรัฐสั่งซื้อ 300 ล้านโดส ญี่ปุ่นสั่งซื้อ 50 ล้านโดส ส่วนต้นทุนการฉีดวัคซีนโมเดอร์นาสองโดสในสหรัฐ อยู่ที่ 30 ดอลลาร์ ส่วนในอียูอยู่ที่ 36 ยูโร คาดการณ์ว่าโมเดอร์นา มียอดขายในปี2564 อยู่ที่ 18,000-20,000 ล้านดอลลาร์

  • “โมเดอร์นา” มีประสิทธิภาพ94.1%

วัคซีนมีประสิทธิผลสูงในกลุ่มคนหลากหลาย ทั้งอายุ เพศ เชื้อชาติ และกลุ่มชาติพันธุ์ รวมถึงในกลุ่มบุคคลที่มีโรคประจำตัว โดยบริษัท  ModernaTX, Inc. เปิดเผยข้อมูลการทดสอบล่าสุด พบว่า การให้วัคซีนกระตุ้น booster dose ปริมาณ 50 ไมโครกรัม กับผู้ที่เคยได้รับวัคซีนไปแล้ว ช่วยเพิ่มแอนติบอดีที่ตอบสนองต่อไวรัสสายพันธุ์กลายพันธุ์ B.1.351 จากแอฟริกาใต้ และ P.1 จากบราซิล ซึ่งเป็น 2 สายพันธุ์ที่แพร่กระจายในสหรัฐฯ และประเทศอื่น ๆ

ดร.ภก.นรภัทร ปีสิริกานต์ รกน.ผอก.ผลิตวัคซีนจากไวรัส องค์การเภสัชกรรม โพสต์เฟสบุ๊ก “Norapath Tong Pesirikan(Tong)”  เกี่ยวกับ “โมเดอร์นา” โดยอ้างอิงจาก (Reference : finance.yahoo และ wmar2news ) ว่า  "โมเดอร์นา" บริษัทstartup สัญชาติอเมริกันที่ก่อตั้งมาเพียง 11 ปี แต่สามารถผลักดันวัคซีนตัวแรกของบริษัท mRNA-1273 ออกมาได้ โดยในส่วนข้อดี-ข้อเสียของวัคซีนตัวนี้สามารถสรุปได้ ดังนี้  เป็น "วัคซีน" ที่กระตุ้นภูมิต้านทานได้สูงเกินกว่าภูมิต้านทานจากพลาสมาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด 3.4 เท่า พร้อมตัวเลขประสิทธิผลการทดสอบเฟส 3 สูงถึง 94.1% พอๆ กับกับวัคซีนโนวาแวคและไฟเซอร์ (ไม่ได้ศึกษาในเวลาเดียวกัน)

นอกจากนั้น เมื่อฉีด "วัคซีน" เข็มที่สองไปแล้ว 14 วัน ป้องกันการติดโรคได้ 94.1% ในประชากรทั่วไป  ป้องกันการติดโรคได้ 86.4% ในผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป  ลดความรุนแรงของโรค 100% ลดอัตราการเสียชีวิตจากการติดเชื้อ COVID-19 ได้ 100% และจากข้อมูลทางห้องปฏิบัติการล่าสุด พบว่าสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ในระดับที่สูงพอที่จะยับยั้งสายพันธุ์ B.1.17 จากอังกฤษ และ B.1.351 จาก south Africa

เปิดขั้นตอน ‘โมเดอร์นา’ 'วัคซีนโควิด-19' ทางเลือก จ่ายเองฉีดรพ.เอกชน

   

  • ขั้นตอน "เอกชน" สั่งซื้อ "โมเดอร์นา" 

ขณะที่ ข้อมูลด้านความปลอดภัยจากกลุ่มประชากรวิจัย 15,000 คน ดังนี้ วัคซีนมีอาการข้างเคียงที่ยอมรับได้ เช่น อาการปวดเล็กน้อยถึงปานกลาง และสามารถหายได้เอง ภายใน 2 – 3 วัน จากฐานข้อมูล CDC ประเทศสหรัฐอเมริกา พบรายงานอาการไม่พึงประสงค์ทั่วไปประมาณ 0.03% ของประชากร ส่วน โอกาสแพ้ยาแบบรุนแรง ประมาณ 2.5 : 1,000,000 คน ความคงตัวปัจจุบัน สามารถอยู่ในตู้เย็น 2-8 องศา ได้ 30 วัน และในตู้เย็น -20 องศา 6 เดือน

นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน ในฐานะคณะทำงานพิจารณาการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19)  กล่าวว่าที่ผ่านมาการประชุมร่วมเอกชน 3 สถาบัน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย โดยมี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อปลายเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา มีข้อสรุปชัดเจนว่า ภาครัฐจะหาวัคซีนมาให้ครบ 100 ล้านโดส จากเดิมที่วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า และซิโนแวก รวมกันประมาณ 65 ล้านโดส

โดยท่านนายกฯได้สั่งการให้เร่งเจรจาหาวัคซีนอื่น ๆ เพิ่มเข้ามาให้ครบ 100 ล้านโดส ฉีดให้คนทั้งไทยและเทศที่อยู่ในประเทศไทย 50 ล้านคน เพื่อให้เกิด "ภูมิคุ้มกันหมู่" (herd immunity) ซึ่งที่อยู่ระหว่างการเจรจามีทั้ง จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก อย.แล้ว), ไฟเซอร์ (รอขึ้นทะเบียน) และสปุตนิก วี (รอขึ้นทะเบียน)

ส่วนที่นอกเหนือจาก 100 ล้านโดส รัฐบาลเปิดโอกาสให้สมาคมโรงพยาบาลเอกชน รวมถึงเอกชน หรือผู้ประกอบการอื่น ๆ ที่มีใบอนุญาตเป็นผู้นำเข้ายาหรือวัคซีน สามารถดำเนินการหา "วัคซีนทางเลือก"อื่น ๆ เข้ามาเพิ่มได้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :  

    

สำหรับกรณีวัคซีน “โมเดอร์นา” ที่จัดอยู่ในกลุ่ม "วัคซีนทางเลือก" ที่จะเป็นการนำเข้าโดยภาคเอกชน

“กรณีโมเดอร์น่าจะเป็นการซื้อในนามของสมาคมโรงพยาบาลเอกชน เป็นการสั่งซื้อผ่านองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับประชาชนที่มีความต้องการ นอกจากนี้ก็ภาคเอกชนยังมีความสนใจจะหาวัคซีนทางเลือกอื่น ๆ เข้ามาเพิ่ม เช่น ซิโนฟาร์ม วัคซีนเชื้อตายจากประเทศจีน (ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน) หรือในอนาคตอาจจะมีวัคซีนตัวอื่นเข้ามาเพิ่ม” นพ.เฉลิม กล่าว

     

  • คาดการณ์ราคาวัคซีน “โมเดอร์นา” ในไทย  

ข้อมูลจาก Web Biospace.com เมื่อวันที่ 23 เม.ย.2564 ได้เปิดเผยราคาวัคซีนโควิด-19 ระบุว่าไฟเซอร์/ไบออนเท็ค ราคาต่อโดส 19.5 $ หรือราคาต่อโดส 604.05 บาท ประสิทธิภาพ 95% โมเดอร์นา ราคาต่อโดส 25-37$ หรือ775- 1,147 บาท ประสิทธิภาพ 95% แอสตร้าเซนเนก้า ราคาต่อโดส 2.15-5.25 $ หรือราคาต่อโดส 66 .65-162.75บาท ประสิทธิภาพ 70% จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน ราคาต่อโดส 10$ หรือราคาต่อโดส 310 บาท ประสิทธิภาพ 66% สปุตนิก วี.ราคาต่อโดส 10$ หรือราคาต่อโดส 310 บาท ประสิทธิภาพ 91.4% ซิโนแวค ราคาต่อโดส 60$ หรือราคาต่อโดส 1,860 บาท ประสิทธิภาพ 50.38%-91.25%

สำหรับ "ต้นทุนวัคซีน"ของ "โมเดอร์นา" ที่นำเข้ามาผ่านองค์การเภสัช ประมาณการณ์อยู่ที่ 37-38 ดอลลาร์สหรัฐฯ ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ขณะที่ราคาให้บริการของสมาชิกโรงพยาบาลเอกชนตกลงกันคิดเท่ากันทุกโรงพยาบาลไม่เกิน 2,000 บาท/เข็ม ประกอบด้วย ค่าวัคซีน ค่าบริการของโรงพยาบาล และค่าประกัน "วัคซีนโควิด-19" เพื่อคุ้มครองผู้ได้รับวัคซีนหากเกิดผลข้างเคียงขึ้น โดยค่าประกันจะเก็บเพียงครั้งเดียวในเข็มแรก ดังนั้น คาดว่าราคาค่าบริการ"ฉีดวัคซีนโควิด-19" ทั้ง 2 เข็มของสมาชิกโรงพยาบาลเอกชนจะอยู่ที่ประมาณ 3,000 -4000 กว่าบาท  ซึ่งเบื้องต้น คาดว่าจะมีวัคซีนเข้ามาประมาณ 5 ล้านโดส แต่ยังไม่กำหนดเวลาการส่ง

"ประชาชนที่ต้องการซื้อวัคซีนจากเอกชน ยังต้องลงทะเบียนในระบบ "หมอพร้อม" ด้วยเช่นกัน เพราะต้องมีการเก็บข้อมูล แต่ก็ในฐานะแพทย์แนะนำว่าสำหรับผู้ที่สงสัยว่าจะฉีดวัคซีนโควิด-19 ของภาครัฐ หรือรอฉีดของโรงพยาบาลเอกชนก็ดี แนะนำให้ฉีดของภาครัฐไปก่อน ตอนนี้ได้ฉีดวัคซีนเร็วสุดจะดีกว่า"นายเฉลิม กล่าว

อย่างไรก็ตาม "วัคซีนโควิด-19" ทางเลือกอื่นๆที่ยังไม่ขึ้นทะเบียน หากโรงพยาบาลเอกชนต้องการนำเข้ามาให้บริการสามารถนำเข้ามาให้บริการได้ด้วยการสั่งซื้อจากบริษัทนำเข้าโดยตรง แต่ต้องนำไปให้องค์การเภสัชฯ ขึ้นทะเบียนก่อนจะนำมาจำหน่ายให้กับโรงพยาบาลเอกชนโดยตรง เพราะไม่สามารถนำเข้าวัคซีนเองได้ เนื่องจากใบอนุญาตโรงพยาบาลที่ไม่สามารถขอนำเข้าชีววัตถุเองได้ ต้องมีบริษัทที่ได้อนุญาตจาก อย. และมีสถานที่จัดเก็บวัคซีนที่ได้รับอนุญาต นำมาขึ้นทะเบียนวัคซีน ถึงนำเข้ามาจำหน่ายให้กับโรงพยาบาลเอกชนได้

   

  • ข้อควรระวังฉีดวัคซีน “โมเดอร์น่า”

วัคซีน "โมเดอร์นา" ถูกแนะนำไว้สำหรับผู้ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป

โดย ผู้ที่ไม่สมควรฉีดวัคซีนชนิดนี้ คือ ผู้มีโรคภูมิแพ้รุนแรงเฉียบพลัน (Anaphylaxis) เป็นอาการแพ้ที่รุนแรงและเป็นอันตรายถึงชีวิต ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยหลังจากการฉีดวัคซีน หรือผู้มีอาการภูมิแพ้ที่มีปฏิกิริยารุนแรงเมื่อร่างกายได้รับสารกระตุ้น เช่น ยา หรืออาหารบางอย่าง และ ผู้มีอาการแพ้หลังฉีดวัคซีนเข็มแรก ไม่ควรฉีดเข็มที่ 2 โดยอาการสามารถเกิดขึ้นทันที หรือภายใน 4 ชั่วโมง หลังจากได้รับวัคซีน

ทั้งนี้ สำหรับอาการผลข้างเคียงที่อาจเป็นไปได้  คือ  บริเวณแขนที่ถูกฉีดวัคซีน : ปวด มีรอยแดง บวม ร่างกาย : มีอาการเหนื่อย ปวดหัว ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หนาวสั่น มีไข้ วิงเวียน คลื่นไส้ อย่างไรก็ตาม  โดยปกติผลข้างเคียงดังกล่าวจะเกิดขึ้นใน 1-2 วัน หลังจากฉีดวัคซีน แต่ควรจะต้องดีขึ้นหลังจากนั้นในระยะเวลา 2-3 วัน