กรุงศรีฟินโนเวต ทุ่ม100ล้านดอลล์ เดินหน้าลงทุนสตาร์ทอัพ

กรุงศรีฟินโนเวต ทุ่ม100ล้านดอลล์ เดินหน้าลงทุนสตาร์ทอัพ

กรุงศรีฟินโนเวต ชูแผนเร่งดัน ธนาคารกรุงศรีฯสู่ดิจิทัลแบงก์เต็มรูปแบบ หวังอยู่รอด และสู่กับแบงก์รูปแบบใหม่ในอนาคต ล่าสุดใส่เงินเพิ่ม 100ล้านดอลลาร์ เร่งลงทุนในสตาร์ทอัพเพิ่ม

     นายแซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด กล่าวว่า กล่าวว่า เป้าหมายสำคัญของ กรุงศรี ฟินโนเวต ปี 2564 นี้ที่สำคัญคือ ต้องการเป็นแรงขับเคลื่อน ในการสนับสนุน “ธนาคารกรุงศรีอยุธยา” ไปสู่การเป็นดิจิทัลแบงก์อย่างเต็มตัวในอนาคต

      ซึ่งการจะไปสู่จุดนั้นได้ กรุงศรีฟินโนเวต ต้องทำงานร่วมกับสตาร์ทอัพ และพันธมิตรทางธุรกิจ รวมถึงการเร่งดิจิทัลแบงก์ทรานฟอร์เมชั่นองค์กรในปีนี้ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในโลกดิจิทัล และการแข่งขันจาก Neo Bank ซึ่งเป็นผู้ให้บริการทางการเงินทั่วโลก ที่พึ่งพาดิจิทัลในการทำธุรกิจ และมีอัตราการเติบโตที่ก้าวกระโดดมากขึ้น

      เช่นในยุโรป ที่เกิด Neo Bank มากมาย โดยเน้นใช้ดิจิทัลในการขับเคลื่อนธุรกิจ ซึ่งพบว่า ธุรกิจประเภทนี้ ใช้พนักงานเพียง 1พันคน ในการดูแลฐานลูกค้า 5 ล้านคน ซึ่งต่างจากธนาคารของไทย ที่จำเป็นต้องใช้พนักงานถึง 1 หมื่นคน ทำให้มีต้นทุนสูงกว่า 10 เท่า ดังนั้นมองว่า จำเป็นที่ต้องเร่งทรานฟอร์เมชั่นองค์กรเพื่อผลักดันแบงก์ไปสู่ ดิจิทัลแบงก์เต็มตัวให้ได้

     ทั้งนี้ เร็วๆนี้ กรุงศรีฟินโนเวต จะมีการเข้าไปหารือธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แชร์ข้อมูลต่างๆ เพื่อมุ่งไปสู่ ดิจิทัลแบงก์ในอนาคตด้วย

      “เราต้องปรับตัวของเราให้พร้อม เจอกับ Neo Bank ในอีก 2-3 ปีที่จะเข้า ทั้งการทรานฟอร์เมชั่นองค์ ร่วมถึงการจับมือกับพันธมิตร สตาร์ทอัพ เพื่อช่วยต่อยอดธนาคารให้ไปสู่จุดนั้นได้”

      อย่างไรก็ตาม การผลักดัน ธนาคารกรุงศรีไปสู่ดิจิทัลแบงก์เต็มรูปแบบได้ กรุงศรีฟินโนเวต ต้องเร่งเดินตามกลยุทธ์ 3 ด้านสำคัญ คือการมุ่งสร้างและสนับสนุนสตาร์ทอัพในทุกระดับ การร่วมทำงานกับสตาร์ทอัพในฐานะพันธมิตรทางธุรกิจ และเดินหน้าลงทุนต่อเนื่อง ในซีรีส์ A ขึ้นไปที่เป็นฟินเทค

     ปัจจุบันกรุงศรีฟินโนเวต มีการทำงานร่วมกับสตาร์ทอัพแล้วกว่า 50 บริษัท ผ่าน100โครงการ โดยปีนี้ตั้งเป้าลงทุนเพิ่มอีก 6-8 การลงทุน และคาดจะมีโปรเจคที่ร่วมกับสตาร์ทอัพอีกไม่ต่ำกว่า 120 โปรเจคในปีนี้ ภายใต้เงินลงทุนที่ใส่เพิ่มอีก 100 ล้านดอลลาร์ เพื่อใช้ในสองปีนี้