เปิดฉีดวัคซีนทุกกลุ่ม ระบบรัฐอย่า 'ล่ม'

เปิดฉีดวัคซีนทุกกลุ่ม ระบบรัฐอย่า 'ล่ม'

วันนี้ประชาชนเริ่มต้องการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น ท่ามกลางจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศที่เพิ่มขึ้นทุกวัน สิ่งสำคัญในขณะนี้ คือ ระบบรัฐที่จะต้องรองรับความต้องการของประชาชน ต้องรันได้อย่างต่อเนื่อง "อย่าล่ม” ขณะที่วัคซีนต้องมีเพียงพอ อย่าขาดช่วง

การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทยยังอยู่ในขั้น “วิกฤติ” ตราบใดที่เรายังเจอคลัสเตอร์ใหม่ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อมากมายหลบซ่อนอยู่ เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องเดินหน้าตรวจเชิงรุกให้มากขึ้นครอบคลุมให้ทุกตารางนิ้วของประเทศ พร้อมกับเร่งเดินหน้าแผนฉีดวัคซีนที่เปิดให้ทุกคนทุกกลุ่มวอล์คอินเข้าไปฉีดได้โดยไม่มีข้อแม้ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่อย่างเร็วที่สุด

กระทรวงสาธารณสุข ได้เตรียมให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เริ่มดำเนินการได้ทันทีตั้งแต่เดือน มิ.ย.2564 หรือทันทีที่พร้อม จัดสัดส่วนการให้บริการ 3 กลุ่ม กลุ่มที่มาจากระบบนัดหมายผ่านไลน์และแอพหมอพร้อมสัดส่วน 30% กลุ่มนัดหมายจากโรงพยาบาล หรืออาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) กลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง และโรคอ้วน ค่าดัชนีมวลกายมากกว่า 35 หรือน้ำหนักตัวเกิน 100 กิโลกรัม สัดส่วน 50% และกลุ่มที่วอล์คอินเดินเข้ามาขอรับบริการสัดส่วน 20% 

นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข บอกว่า สัดส่วนนี้ยังสามารถปรับได้ตามความเหมาะสม และสถานการณ์จริงหน้างาน รวมทั้งให้จังหวัดเตรียมจัดระบบเช็คจำนวนประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีนแบบเรียลไทม์ และระบุจำนวนสำหรับกลุ่มวอล์คอินในแต่ละจุดฉีด เพื่อลดความแออัด หากคิวเต็ม แต่ละแห่งจะออกใบนัดให้มารับบริการในวันถัดไป ทั้งแนะนำว่าให้ประชาชนนัดหมายฉีดวัคซีนผ่านไลน์ “หมอพร้อม” เพื่อลดความแออัดที่จุดฉีด

ขณะที่ ยอดลงทะเบียนฉีดวัคซีนผ่านไลน์ “หมอพร้อม” ตั้งแต่วันที่ 1-13 พ.ค. 64 ยอดลงทะเบียน เวลา 14.00 น. ยังมียอดเพียง 3,091,871 คน จากเป้าหมาย 16 ล้านคน ซึ่งเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป และ 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง ที่รวมกันแล้วมีมากถึง 16 ล้านคน ซึ่งนอกจากหมอพร้อมก็ยังสามารถลงทะเบียนได้อีกหลายช่องทาง โรงพยาบาลที่มีประวัติการรักษา อสม.โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 

ต้องยอมรับว่า ถึงวันนี้ประชาชนเริ่มต้องการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น จากข่าวสารข้อมูลที่หลั่งไหลมาจากหลายแหล่ง ทั้งในประเทศและต่างประเทศอ้างอิงทางวิชาการแน่น ทำให้ประชาชนเริ่มตระหนักว่า "ควรต้องฉีด ถ้ามีโอกาสได้ฉีด" รวมทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศที่เพิ่มขึ้นทุกวันอย่างน่าตกใจ ถ้าตัวเลขติดเชื้อยังคงวิ่งเร็วแซงหน้าผู้ป่วยที่หายจากโควิด เราต้องมีภูมิคุ้มกันหมู่ให้เร็วที่สุด

แต่สิ่งสำคัญมากๆ คือ ระบบรัฐที่จะต้องรองรับ “อารมณ์” และ “ความต้องการ” ของประชาชนที่ต้องการฉีดวัคซีนได้เร็วที่สุดให้ได้ ระบบที่เกี่ยวข้องต้องรันได้อย่างต่อเนื่อง "อย่าล่ม” ที่สำคัญ “วัคซีน” ต้องมีเพียงพอและเติมได้อย่างรวดเร็ว อย่าขาดช่วง นี่คือสิ่งที่เรายังเป็นกังวลว่า รัฐบาลจะทำให้เส้นทางของ “วัคซีน” ที่จะนำเข้ามาในประเทศจากนี้โฟล์วได้มากแค่ไหน ถ้ารัฐสะดุดตรงนี้เมื่อไหร่ ไทยคงใช้เวลาอีกนานกว่าจะก้าวข้ามวิกฤติ