3 กองทุนสุขภาพ ยืนยันสิทธิ ปชช. รักษาโควิด-19 ฟรี

3 กองทุนสุขภาพ ยืนยันสิทธิ ปชช. รักษาโควิด-19 ฟรี

3 กองทุนสุขภาพ กรมบัญชีกลาง ประกันสังคม สปสช. ออกแถลงการณ์ยืนยันสิทธิประชาชนในการตรวจและรักษาโควิด-19 ฟรี หลังได้รับข้อร้องเรียนเป็นจำนวนมาก ว่าถูกโรงพยาบาลเอกชนเรียกเก็บเงิน จี้ สธ. บังคับใช้กฎหมายควบคุม รพ.เอกชนให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

วันนี้ (13 พ.ค. 2564) สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำนักงานประกันสังคม (สปส.) และ กรมบัญชีกลาง ออกแถลงการณ์ร่วมกันเรื่อง สิทธิผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หลังจากที่ผ่านมาได้รับข้อร้องเรียนเป็นจำนวนมากจากผู้ใช้สิทธิของทั้ง 3 กองทุนสุขภาพเกี่ยวกับการถูกเรียกเก็บเงินค่าตรวจและค่ารักษา โดยเฉพาะกรณีเข้ารับบริการในโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งสาระสำคัญของแถลงการณ์ดังกล่าวมี 3 ข้อ ประกอบด้วย

1. การตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันการติดเชื้อโควิด-19 สำหรับประชาชนกลุ่มเสี่ยงและเป็นไปตามเกณฑ์ที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด ประชาชนทุกคนได้รับสิทธิดังกล่าว โดย สปสช. จะเป็นผู้รับผิดชอบค่าตรวจทั้งในโรงพยาบาลรัฐและเอกชน

2. อัตราค่าใช้จ่ายต่างๆ คณะรัฐมนตรี มีมติเมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2563 วันที่ 21 เม.ย. 2563 และวันที่ 27 เม.ย. 2564 เห็นชอบหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขกำหนดค่าใช้จ่าย ในการดำเนินการผู้ป่วยฉุกเฉินโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ กรณีติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ซึ่งผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษา สามารถเข้ารับบริการได้ในโรงพยาบาลเอกชนทุกแห่งและไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ โดยโรงพยาบาลเอกชนต้องส่งข้อมูลขอเบิกเงินตามหลักเกณฑ์ฯดังกล่าวมายัง สปสช. จากนั้นทั้ง 3 กองทุนจะจ่ายเงินให้โรงพยาบาลเอกชนต่อไป ดังนั้นขอให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

3. มติคณะรัฐมนตรี วันที่ 27 เม.ย. 2564 มอบหมายให้กระทรวงสาธารณสุข เร่งสร้างการรับรู้เกี่ยวกับหลักเกณฑ์ฯดังกล่าวแก่โรงพยาบาลต่างๆให้ถูกต้อง ทั่วถึง เพื่อให้การป้องกันโรคและรักษาผู้ป่วยเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทั้ง 3 กองทุนจึงเห็นพ้องต้องกันที่จะร่วมคุ้มครองสิทธิของประชาชนตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ในการได้รับการป้องกันและขจัดโรคติดต่ออันตรายจากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย จึงขอให้กระทรวงสาธารณสุขบังคับใช้กฎหมายกับโรงพยาบาลเอกชนที่เรียกเก็บเงินจากผู้ป่วยโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยทั้ง 3 กองทุนจะเฝ้าระวังและแจ้งข้อมูลให้กระทรวงฯทราบต่อไป

นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า การออกแถลงการณ์ครั้งนี้เพื่อสร้างความมั่นใจว่าประชาชนทุกคน ทุกสิทธิ จะได้รับการดูแล และขอความร่วมมือโรงพยาบาลเอกชน เรียกเก็บเงินมาตามระบบและอัตราค่าบริการที่ได้ตกลงกันไว้และผ่านการเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีแล้ว รวมทั้งขอให้กระทรวงสาธารณสุขกำกับดูแลโรงพยาบาลเอกชนให้ปฏิบัติตามกติกาดังกล่าว

ในส่วนของ สปสช.เอง ก็ได้ปรับรอบการจ่ายเงินให้เร็วขึ้น จากทุก 1 เดือน เป็นทุก 2 สัปดาห์ เพื่อสร้างสภาพคล่องแก่โรงพยาบาล ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้ก็ได้มีการพูดคุยกับผู้บริหารโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งซึ่งทางโรงพยาบาลเอกชนเริ่มเข้าใจและยอมรับระบบการเบิกจ่ายตลอดจนอัตราการค่าบริการที่กำหนดไว้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยยังถูกเรียกเก็บเงินอีก ขอให้ร้องเรียนเข้ามาได้ที่สายด่วน 1330 ของ สปสช. สายด่วน 1506 ของ สปส. หรือหมายเลข 021277000 ของกรมบัญชีกลาง

นพ.จเด็จ กล่าวด้วยว่า กรณีมีข่าวทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งมีข้อเสนอให้ตัดสิทธิการรักษาฟรีแก่ผู้ที่ไม่ยอมฉีดวัคซีนนั้น ขอยืนยันว่าไม่มีการตัดสิทธิการรักษาฟรีใดๆทั้งสิ้น สองเรื่องนี้ไม่สามารถนำมาปะปนกันได้ วัคซีนก็ขอความร่วมมือประชาชนไปรับการฉีด แต่ถ้าเจ็บป่วยขึ้นมาก็ต้องดูแลรักษาฟรี

ด้าน นายทศพล กฤตวงศ์วิมาน เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวว่า สปส.ขอให้ความมั่นใจแก่ผู้ประกันตนทุกคนว่าถ้าติดเชื้อโควิด-19 ก็จะได้รับการดูแลรักษาเต็มที่เหมือนกองทุนอื่นๆทุกประการจนกว่าจะหาย ซึ่งหากถูกเรียกเก็บเงินสามารถติดต่อสายด่วน 1506 กด 1 ตลอด 24 ชม. หรือกด 6 ซึ่งจะเกี่ยวกับเรื่องโควิด-19 โดยเฉพาะ ในเวลาราชการ

ขณะที่ นายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า กรมบัญชีกลางจะดูแลผู้ใช้สิทธิสวัสดิการข้าราชการอย่างดีที่สุดไม่ว่าจะไปโรงพยาบาลรัฐหรือเอกชน เรื่องงบประมาณก็ได้เตรียมไว้พร้อมแล้วและสามารถจ่ายแก่โรงพยาบาลได้โดยตรงภายในเวลา 3 วันหลังจากที่ได้รับข้อมูลการขอเบิกเข้ามา หากข้าราชการถูกเรียกเก็บเงิน ขอให้ โทรมาที่เลขหมาย 021277000 ในเวลาราชการ หรือถ้านอกเวลาราชการสามารถติดต่อสายด่วน 1330 ของ สปสช.ก็ได้