หุ้นไทยเปิดร่วงหนัก17 จุด กังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดหลังเงินเฟ้อพุ่ง

หุ้นไทยเปิดร่วงหนัก17 จุด กังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดหลังเงินเฟ้อพุ่ง

หุ้นไทยเปิดเช้านี้ร่วง 17.75 จุด หรือ 1.13% อยู่ที่1,554 จุด(09.57น.) กังวลเงินเฟ้อสหรัฐพุ่งแรงกดดันเฟดลดการผ่อนคลายนโยบายการเงินเร็วกว่าคาด บล.ไอร่า เชื่อกระทบหุ้นไทยค่อนข้างจำกัดจากการที่ตลาดหุ้นไทยมีสัดส่วนหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีต่ำกว่าตลาดอื่น

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ไอร่า ระบุ คาดดัชนีหุ้นไทยวันนี้(13พ.ค.64)ปรับฐานต่อ โดยมองแนวรับที่ระดับ 1,557 - 1,547 จุด ส่วนแนวต้านที่บริเวณ 1,576 - 1,595 จุด แม้คาดตลาดจะได้รับ Sentiment เชิงลบจากตลาดต่างประเทศที่ปรับตัวลงแรงหลังเมื่อคืนนี้กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (Core CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในเดือน เม.ย. ออกมาดีดตัวขึ้น 0.9% จากเดือนก่อน และ 3.0%จากช่วงเดียวกันปีก่อน  สูงกว่าที่ตลาดคาดที่ 0.3%จากเดือนก่อน  และ 2.3% คาดจะเป็นปัจจัยกระตุ้นความกังวลในการลดการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของธนาคารกลางสหรัฐหรือการลดการผ่อนคลายนโยบายทางการเงินของ FED ที่เร็วกว่าที่คาด

  

อย่างไรก็ตามเรามีความเห็นว่าการเร่งตัวขึ้นของตัวเลข Core CPI ในเดือน เม.ย. นี้มีสาเหตุหลักจากปัจจัยฐานต่ำในช่วงเดียวกันของปีที่แล้วหลังได้รับผลกระทบจากการ Lockdown เพื่อควบคุมแพร่ระบาดของ COVID-19 ในสหรัฐซึ่งส่งผลให้ตัวเลข CPI ดีดตัวขึ้นแรง เรายังคงมุมมองคาดว่า FED จะยังคงอัตราดอกเบี้ยไปจนถึงปี2565 แต่ต้องติดตามดูสัญญาณการทยอยลดวงเงินในมาตรการ QE อีกครั้งในช่วง ไตรมาส4ปี2564 นี้

  ทั้งนี้เรามองว่าแนวโน้มการเร่งตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อคาดจะส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้นได้ต่อ โดยล่าสุดดัชนี Bloomberg Commodity ซึ่งเป็นเครื่องมือวัดราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง คาดจะหนุนหุ้นในกลุ่ม Global Play และ Soft Commodity ที่เราแนะนำไว้ก่อนหน้าปรับตัวขึ้นได้ต่อ

  ทางด้านปัจจัยภายในประเทศเรามองตลาดหุ้นไทยจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าวค่อนข้างจำกัดจากการที่ตลาดหุ้นไทยมีสัดส่วนหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีต่ำกว่าตลาดอื่นๆ ขณะที่เรามีมุมมองเชิงบวกต่อการที่คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติเห็นชอบปรับแผนระบบฉีดวัคซีน โดยเพิ่มจำนวนวัคซีนจากเป้าหมายเดิม 100 ล้านโดส เป็น 150 ล้านโดส ภายในปี’ 65 และแบ่งสัดส่วนจองผ่าน

   1.)แอพ “หมอพร้อม” 30% 2.)สถานพยาบาล 50% 3.) "วอล์คอิน" 20% เริ่มเดือน มิ.ย.นี้ คาดจะเป็นปัจจัยกระตุ้นความหวังการกระจายวัคซีนเร็วกว่าที่ตลาดคาดช่วยประครองตลาดได้บ้าง

ทั้งนี้ในส่วนของ MSCI ประกาศรายชื่อหุ้นเข้าออกในการคำนวณดัชนี โดยเพิ่ม SCGP และ CBG เข้าสู่ MSCI Global Standard (ถอด DTAC และ KBANK-F) ขณะที่เพิ่ม ACE, PSL, RCL, SCCC, SINGER, SYNEX, TTA และ TOA เข้าสู่ MSCI Global Small Cap คาดจะเป็นปัจจัยหนุนกระตุ้นหุ้นดังกล่าวก่อนการปรับน้ำหนักในวันที่ 27 พ.ค. นี้ได้บ้าง

ธีมการลงทุน สำหรับนักลงทุนระยะกลาง เรายังแนะนำให้ ถือ หรือ ทยอยซื้อสะสม หุ้นในกลุ่ม
  1. ”Clean Energy Play” (โรงไฟฟ้า) ได้แก่ GULF, GPSC และ BGRIM
  2. “High Beta Play” (อสังหาฯ) ได้แก่ AP, SPALI, SIRI และ ANAN
  3. “Health Care Play” (ร.พ.) ได้แก่ BCH, BDMS, WPH และ VIH

สำหรับนักลงทุนระยะสั้น แนะนำเก็งกำไร
  1. Global Play ได้แก่ IVL, IRPC, PTTGC และ PTTEP”
  2. Soft Commodities Play ได้แก่ KSL และ KTIS
  3. ขนส่ง-เดินเรือ ได้แก่ RCL, PSL และ TTA

โดยหุ้นแนะนำวันนี้ เก็งกำไร “KSL”