เอพี เมินโควิด เล็งเปิด3 โครงการใหม่ดีเดย์มิ.ย.นี้

 เอพี เมินโควิด เล็งเปิด3 โครงการใหม่ดีเดย์มิ.ย.นี้

เอพี ไทยแลนด์ ไม่หวั่นโควิดรอบ3 เตรียมกระแสเงินสด กระจายสินค้าแนวราบหลายทำเล เล็งเปิดตัว 3 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 1,760 ล้านบาทเดือนมิ.ย.นี้พร้อมโอน 2 คอนโดฯใหม่มูลค่า 12,300 ล้านบาทหลังไตรมาสแรกรายได้กว่า1 หมื่นล้านบาท

 นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน ) กล่าวว่า วิกฤตการแพร่ระบาดยังคงสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจอย่างไม่สิ้นสุด หลายคนมองว่าปีที่ผ่านมาดำเนินธุรกิจด้วยความยากลำบากแล้ว แต่จากสถานการณ์ระบาดรอบใหม่นี้สะท้อนได้อย่างชัดเจนถึงความยากลำบากและความท้าทายที่รออยู่อีกมาก 

สำหรับทางรอดของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ นอกจากการบริหารจัดการความพร้อมภายในองค์กรรวมถึงงบกระแสเงินสดแล้ว การมีสินค้าพร้อมขายกระจายไปในหลายทำเล คืออีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่ผลักดันให้เอพีประสบความสำเร็จด้วยการขยายโอกาสที่มากขึ้น โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มแนวราบที่ยังคงเป็นซูเปอร์สตาร์ โดยบริษัท มีรายได้รวมจากสินค้าแนวราบที่เติบโตสูงขึ้นในทุกไตรมาส สะท้อนถึงความแข็งแกร่งที่เกิดขึ้นจากภายใน ในการพร้อมรับมือกับกฎกติกาโลกที่เปลี่ยนแปลงไป


โดยในปี 2564 นี้บริษัทตั้งเป้าจะพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ให้ครอบคลุมทั่วประเทศมากถึง 144 โครงการ มูลค่าพร้อมขายกว่า 115,480 ล้านบาท ซึ่ง ณ วันที่ 30 เมษายน 64 มีสินค้ารอรับรู้รายได้ (Backlog) 33,700 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้รวม (รวม 100% JV) ได้ตามเป้าหมาย 43,100 ล้านบาท  ขณะเดียวกันในเดือนมิ.ย.นี้เตรียมเปิดตัว 3 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 1,760 ล้านบาท ได้แก่ บ้านเดี่ยว 2 โครงการ มูลค่ารวม 1,650 ล้านบาท ประกอบไปด้วย CENTRO ราชพฤกษ์-สวนผัก 3 CENTRO พหลฯ-วิภาวดี 2 และโฮมออฟฟิศ District รามอินทรา-จตุโชติ มูลค่า 110 ล้านบาท ส่วนครึ่งปีหลังเตรียมรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ 2 คอนโดใหม่ LIFE ลาดพร้าว แวลลีย์ และ LIFE อโศก ไฮป์ มูลค่ารวม 12,300 ล้านบาท


นายวิทการ กล่าวว่า ในปีนี้ บริษัท ยังคงดำเนินแผนธุรกิจด้วยความรัดกุม ควบคู่ไปกับความพร้อมที่จะปรับตัวอย่างรวดเร็ว ด้วยการบริหารจัดการกระแสเงินสด ภายใต้พันธกิจใหญ่ขององค์กร “EMPOWER LIVING” ที่พร้อมส่งมอบคุณภาพชีวิตที่ดีที่ลูกค้าสามารถเลือกได้ ด้วยนวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีคุณค่า ส่งผลใหไตรมาส 1 ที่ผ่านมาบริษัท สามารถสร้างรายได้รวมจากสินค้าแนวราบ กลุ่มคอนโดมิเนียม (100%JV) และธุรกิจอื่นๆ ได้สูงถึง 10,770 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58% หากเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า   ที่มีรายได้รวมเท่ากับ 6,820 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิกว่า 1,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิรวมเท่ากับ 618 ล้านบาท เท่ากับ 127%