'ประยุทธ์' ขอบคุณ 'กรอ.'ช่วยรัฐกระจายจุดฉีดวัคซีนโควิด เล็งขยายโมเดลไปต่างจังหวัด

'ประยุทธ์' ขอบคุณ 'กรอ.'ช่วยรัฐกระจายจุดฉีดวัคซีนโควิด เล็งขยายโมเดลไปต่างจังหวัด

นายกรัฐมนตรีชื่นชมเอกชนช่วยกระจายวัคซีนรวดเร็วและทั่วถึง ตั้งเป้า มิ.ย.นี้ปูพรมระดมวัคซีนฉีดเข็มแรก เล็งเพิ่มจุดฉีดวัคซีนทั่วกรุงเป็น 25 จุดก่อนขยายโมเดลไปยังต่างจังหวัด

พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์โควิด 19 กรุงเทพฯ และปริมณฑล เปิดเผยหลังจากการเยี่ยมชมศูนย์ฉีดวัคซีนเอกชน ที่เซ็นทรัลลาดพร้าว พบว่าสถานที่มีความพร้อมเต็มที่ในการให้บริการประชาชน ทุกแห่งเดินทางสะดวก ปลอดภัย ถูกสุขอนามัย โล่งโปร่ง ไม่แออัด จัดระบบการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ บริการได้รวดเร็ว

ทั้งนี้นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าขอขอบคุณคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน (กกร.) ทั้ง 3 สถาบัน ได้แก่ สภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรม และสมาคมธนาคารไทย ที่เสนอตัวเข้ามาช่วยให้การ กระจายวัคซีนสู่ประชาชนรวดเร็วและทั่วถึงยิ่งขึ้นตามเป้าหมาย มิ.ย.นี้ ปูพรมระดมฉีดวัคซีนเข็มแรก เพราะการฉีดวัคซีนเพียงเข็มแรกก็ช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อ ลดความรุนแรงของอาการได้มาก

 โดยรัฐบาลมีเป้าหมายให้คนไทยทุกคนได้ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19อย่างรวดเร็ว โดยในเดือน พ.ค.นี้จะเป็นการฉีดให้กับกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขซึ่งใกล้จะได้ฉีดเกือบครบทุกคนแล้ว เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้ บุคลากรด่านหน้า รวมทั้งยังได้เร่งระดมฉีดให้กลุ่มเฉพาะกิจนื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดสูง เช่น สมุทรสาคร ชุมชน คลองเตย เพื่อจำกัดวงแพร่ระบาด และตั้งเป้าเดือน มิ.ย. นี้จะเร่งเครื่องปูพรมระดมฉีดวัคซีนเข็มแรกให้กลุ่มผู้มี ความเสี่ยงสูง ได้แก่ ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป หรือกลุ่มผู้มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง และจากนั้นจะเร่งฉีดให้ ประชาชนทั่วไปทันที 162081052383

“นอกจากผู้มีความเสี่ยงสูงดังกล่าว ผมยังมีความห่วงใยกลุ่มคนทำงาน ที่มีความจำเป็นต้องเดินทางบ่อย หรือพบปะคนจำนวนมาก เช่น พนักงานส่งของ ผู้ขับรถสาธารณะ พนักงานขายร้านสะดวกซื้อ พนักงานบริการใน ร้านอาหาร พนักงานในภาคการท่องเที่ยวและโรงแรม หรืออยู่ในภาคธุรกิจที่มีความสัมพันธ์กับเศรษฐกิจของ ประเทศ เช่น พนักงานส่งของ ผู้ขับรถสาธารณะ พนักงานขายร้านสะดวกซื้อ พนักงานบริการในร้านอาหาร และ พนักงานในภาคการท่องเที่ยวและโรงแรม ตั้งแต่ เดือน มิ.ย. เป็นต้นไป รัฐบาลจะร่วมมือกับภาคเอกชนเตรียมฉีดวัคซีนแก่คนกลุ่มนี้ให้เร็วขึ้น โดยเปิดให้องค์กรต่าง ๆ จัดสรรพนักงานที่มีความเสี่ยงทยอยรับบริการได้ที่หน่วยฉีด ทุกแห่งทั้งในโรงพยาบาลและศูนย์ฉีดวัคซีนเอกชน หากคนกลุ่มนี้ได้ฉีดวัคซีนเร็วจะช่วยลดการแพร่ระบาด และยัง ช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจได้เร็วขึ้นด้วย” นายกรัฐมนตรี กล่าว

162081050799 ปัจจุบันรัฐบาล มีมีศูนย์ฉีดวัคซีนเอกชนแล้ว 14 ศูนย์ที่พร้อมให้บริการ และจะเพิ่มเป็น 25 ศูนย์ในเร็ว ๆ นี้ และจะขยายโมเดลนี้ไปจังหวัดอื่น ๆ ต่อไป

สำหรับในด้านการจัดหาวัคซีน ขอให้ทุกท่านไม่ต้องกังวลใจ รัฐบาลยืนยันจะ จัดหาวัคซีนให้เพียงพอและทั่วถึงคนไทยทุกคน รวมทั้งชาวต่างชาติที่พำนักอยู่ในไทย โดยจะจัดหาเพิ่มจาก 100 ล้านโดส เป็น 150 ล้านโดส ซึ่ง100 ล้านโดสแรก รัฐบาลได้เจรจากับผู้ผลิตแล้ว โดยวัคซีนล็อตใหญ่ของแอสตร้า เซนเนก้าที่ผลิตในประเทศไทยจะส่งมอบได้สิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ ส่วนของผู้ผลิตรายอื่นๆจะทยอยจัดส่งมาเป็นระยะๆ

 “รัฐบาลจะร่วมมือกับทุกฝ่ายทำงานแข่งกับเวลา เพื่อปกป้องคนไทยทุกคนให้พ้นจากโควิด เพราะ สถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมออาจมีสายพันธุ์ใหม่ที่มีความรุนแรงมากขึ้นแต่การฉีดวัคซีนจะช่วยเพิ่ม ภูมิคุ้มกัน ลดโอกาสในการติดเชื้อและลดความรุนแรงของอาการ เราจึงต้องเร่งฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุด และจะทำทุก วิถีทางเพื่อให้การฉีดวัคซีนเป็นไปอย่างรวดเร็วและทั่วถึง ตามเป้าหมายคือเดือน มิ.ย.นี้ ปูพรมระดมฉีดวัคซีน เข็มแรก จึงขอเชิญชวนทุกคนมาฉีดวัคซีนป้องกันโควิด เพื่อให้ประเทศไทยพ้นวิกฤติ และฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ เข้มแข็งอีกครั้ง” นายกรัฐมนตรี กล่าว