เฟดเผยตัวเลขจ้างงานสหรัฐยังต่ำ

นางลาเอล เบรนาร์ด หนึ่งในคณะผู้ว่าการของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนเม.ย.ของสหรัฐที่ขยายตัวน้อยกว่าคาดนั้น ถือเป็นหลักฐานที่เน้นย้ำว่าเพราะเหตุใดเฟดจึงต้องอดทนรอคอยจนกว่าอัตราเงินเฟ้อและการจ้างงานจะบรรลุเป้าหมายของเฟด

"แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐยังคงสดใส แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยงหลายด้าน และเรายังอยู่ห่างไกลจากเป้าหมายของเรา ตัวเลขจ้างงานที่มีการรายงานล่าสุดนั้น เป็นการย้ำเตือนเราว่า ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นอาจเปลี่ยนแปลงไปจากสิ่งที่เราคาดการณ์ไว้ และยังเน้นย้ำว่าเพราะเหตุใดเฟดจึงต้องอดทนรอคอยจนกว่าเราจะบรรลุเป้าหมาย" นางเบรนาร์ดกล่าวในการประชุมทางไกลซึ่งจัดขึ้นโดย Society for Advancing Business Editing and Writing

นางเบรนาร์ดยังกล่าวด้วยว่า "ในขณะที่สหรัฐเริ่มกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง และเศรษฐกิจยังคงอยู่ในทิศทางการฟื้นตัว เรายิ่งต้องให้ความสำคัญกับการอดทนรอคอยจนกว่าเราจะบรรุลเป้าหมายการจ้างงานและอัตราเงินเฟ้อขยายตัวอย่างเต็มศักยภาพ"

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 266,000 ตำแหน่งในเดือนเม.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 1,000,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 6.1% ในเดือนเม.ย. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 5.8%

สมาชิกพรรครีพับลิกันได้ออกมาตำหนิที่ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานปรับตัวสูงขึ้น โดยกล่าวว่า การให้สวัสดิการว่างงานจะทำให้ประชาชนไม่อยากกลับไปทำงาน ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนกล่าวว่า เขาได้สั่งการให้กระทรวงแรงงานสหรัฐประสานงานร่วมกับรัฐต่างๆ เพื่อตั้งข้อกำหนดใหม่ว่า ผู้ที่จะได้รับสวัสดิการในระหว่างที่ว่างงานนั้น จะต้องเป็นผู้ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขาพยายามตั้งใจที่จะหางานทำ

นอกจากนี้ ปธน.ไบเดนยังได้เรียกร้องให้บริษัทต่างๆ ในสหรัฐช่วยเหลือพนักงานในการเข้าถึงวัคซีนและเพิ่มค่าจ้างให้กับพนักงาน พร้อมกับพยายามโน้มน้าวให้ภาคเอกชนสมบทเงินในโครงการช่วยเหลือรัฐบาลท้องถิ่นและรัฐบาลในรัฐต่างๆ คิดเป็นวงเงิน 3.50 แสนล้านดอลลาร์ โดยกล่าวว่า โครงการดังกล่าวจะช่วยให้บรรดาผู้ปกครองมีสถานรับเลี้ยงเด็กมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ผู้ปกครองเหล่านี้สามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติได้

"นั่นคือสิ่งที่ผมคาดหวัง ในขณะที่เศรษฐกิจของเรากำลังฟื้นตัวดีขึ้นนั้น บริษัทต่างๆ ก็ควรจะให้ค่าจ้างแก่พนักงานอย่างยุติธรรมและสร้างบรรยากาศการทำงานที่ปลอดภัย ซึ่งการทำเช่นนั้น บริษัทต่างๆ ก็จะสามารถหาพนักงานได้มากขึ้น และเศรษฐกิจของเราจะกลับมาเติบโตมากกว่าแต่ก่อน" ปธน.ไบเดนกล่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา