TOP กำไรไตรมาส1/64ดีกว่าโบรกคาด14%

TOP กำไรไตรมาส1/64ดีกว่าโบรกคาด14%

TOPไตรมาส1/64 กำไรสุทธิ 3.3 พันล้าน เพิ่มขึ้น 126% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งดีกว่าตลาดคาด 14% เหตุกำไรสต็อกน้ำมัน พร้อมคาดน้ำมันดิบไตรมาส2 ปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา

นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลดำเนินงานไตรมาส1ปี 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ 3,360 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 126% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีผลขาดทุน 13,754 ล้านบาท เนื่องจาก ราคาน้ำมันดิบดูไบเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากไตรมาส1ปีก่อนอยู่ที่ 50.9 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทำให้บริษัทมีกำไรจากสต็อกน้ำมันจำนวน 4,656 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนขาดทุนสต็อกน้ำมัน 10,772 ล้านบาท

และมีกำไรขั้นต้นจากธุรกิจอะโรเมติกส์เพิ่มขึ้น จากส่วนต่างราคาเบนซีนและน้ำมันเบนซีล95 ที่ปรับตัวสูงขึ้น และตลาดสาร LAB ยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากอุปสงค์ที่ดีในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงส่วนต่างน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานที่ปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้มีการกลับรายการมูลค่าสินค้าคงเหลือน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูป ฯลฯ

ขณะที่ บริษัทปริมาณวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตของกลุ่มลดลงจากการปรับแผนการผลิตให้สอดคล้องกับ สภาพตลาดที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และมีปริมาณการขายผลิตภัณฑ์ลดลง ส่งผลให้มีรายได้จากการขายลดลง 3,120 ล้านบาทอยู่ที่ 73,449 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 76,569 ล้านบาท 

  สำหรับแนวโน้มในไตรมาส2ปี 2564 คาดราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาส1ปีนี้ หลังการฉีดวัคซีนโควิด-19 คืบหน้าในหลายประเทศทำให้มีความเชื่อมันและมีการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น แต่จะแรงกดดันจากกลุ่มโอเปกพลัสและซาอุดิอาระเบียมีมติเพิ่มกำลังกรผลิตในเดือนพ.ค.-ก.ค.2564 ราว2 ล้านบาร์เรลต่อวัน แต่ในช่วงครึ่งปีหลัง4 มีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูง หลังตลาดคาดการณ์สภาพเศรษฐกิจเติบโตต่อเนื่องโดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดจีดีพีโลกปีนี้จะเติบโตที่ร้อยละ 6 สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนม.ค. ว่าจะเติบโตที่ร้อยละ 5.5

       ส่งผลให้อุปสงค์น้ำมันโลกในช่วงครึ่งหลังของปีมีแนวโน้มขยายตัว 4 ล้านบาร์เรลต่อวัน เมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกของปี 2564ภาพรวมธุรกิจการกลั่นในช่วงไตรมาส2ปีนี้  มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส1ปีนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการใช้น้ำมันสำเร็จรูปที่เริ่มฟื้นตัว หลังบางประเทศในเอเชียเริ่มผ่อนคลายมาตรการเข้มงวดทางสังคม รวมทั้งประเทศในฝั่งยุโรปมีแผนจะคลายมาตรการล็อกดาวน์ในช่วงต้นเดือนพ.ค. 2564 ซึ่งส่งผลให้ความต้องการใช้น ้ามันเบนซินและดีเซลฟื้นตัว

 ส่วนตลาดสารพาราไซลีนในช่วงไตรมาส2ปีนี้ คาดว่าจะอยู่ในระดับทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาส1ที่ผ่านมาเนื่องจากตลาดยังคงได้รับแรงสนับสนุนจากอุปสงค์ในช่วงฤดูร้อนของประเทศส่วนใหญ่ในภูมิภาคเอเชีย

ตลาดน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานในไตรมาส2ปีนี้ คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส1หลังอุปทานในภูมิภาคยังคงตึงตัวต่อเนื่อง หลังมีการปรับลดกำลัง การผลิตของโรงกลั่นส่งผลให้ปริมาณวัตถุดิบมีจำกัด ประกอบกับความต้องการใช้น้ำมันหล่อลื่นในช่วงฤดูร้อนซึ่งเป็นฤดูกาลขับขี่และการทำเกษตรกรรม

  ด้านบริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย)  ระบุ กำไรสุทธิของ TOP ไตรมาส1 ปี 2564 ที่ 3,360 ล้านบาท ออกมาดีกว่าตลาดคาด14%