ความเชื่อมั่นแห่งรัฐ อีกหนึ่งวัคซีนทางเลือก

ความเชื่อมั่นแห่งรัฐ อีกหนึ่งวัคซีนทางเลือก

ในวิกฤโรคระบาดครั้งนี้ ตัวถ่วงที่ต้องขจัดออกไปคือการหาผลประโยชน์กับวัคซีน ไม่เพียงแต่ลดเครดิตทางการ ยังเป็นการซ้ำเติมผู้ติดเชื้อและญาติผู้เสียชีวิตในภาวะวิกฤติ

เมื่อวานนี้ (11 พ.ค.) องค์การอนามัยโลก (ดับบลิวเอชโอ) ประกาศให้เชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ที่พบครั้งแรกในอินเดีย (บี.1.617) เป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวลในระดับโลก เป็นความเคลื่อนไหวภายหลังผลการศึกษาระบุเชื้อสายพันธุ์นี้แพร่ระบาดได้ง่ายขึ้น นับเป็นเชื้อกลายพันธุ์ตัวที่ 4 ต่อจากเชื้อกลายพันธุ์ที่พบครั้งแรกในอังกฤษ แอฟริกาใต้ และบราซิล สร้างความขวัญผวาให้ชาวโลก รวมทั้งไทย เพราะในประเทศมีการพบรายแรกเป็นคนไทยที่เดินทางมาจากปากีสถาน แม้ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ จะโพสเฟสบุ๊กไม่ให้เกิดความแตกตื่น ให้เหตุผลถ้าตรวจพบก็จะกักกันจนปลอดภัย คนส่วนใหญ่ก็ยังวิตกกังวล เพราะกลัวจะหลุดรอดเข้ามาตามแนวชายแดน

ต่อมากระทรวงการต่างประเทศได้สั่งระงับการออกหนังสือรับรองการเดินทางเข้าประเทศไทยและการตรวจลงตรา (ซีโออี) สำหรับชาวต่างชาติที่มีต้นทางหรือมีถิ่นพำนักในปากีสถาน บังกลาเทศและเนปาล เพื่อสกัดไม่ให้โควิดสายพันธุ์อินเดียเข้ามาในประเทศไทย ตามด้วยสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ออกมาย้ำทันที ว่าจะตรวจสอบซีโออีของผู้โดยสารทุกคนก่อนขึ้นเครื่องบินจากประเทศต้นทางทุกประเทศอย่างเคร่งครัด ช่วยลดความตื่นตระหนกของประชาชนที่วันนี้ต้องเรียกว่าขาดความเชื่อมั่นในผู้บริหารและหน่วยงานของรัฐ

เราเห็นว่าทางออกคือการดึงความเชื่อมั่นให้กลับคืนมาโดยเร็วที่สุด ขณะเดียวกันทุกภาคส่วนต้องเชื่อคำแนะนำจากฝ่ายแพทย์ซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญมากที่สุด เวทีเสวนาหัวข้อเรื่อง ผ่าวัคซีนโควิด-19 กับ 3 สถาบันการแพทย์ เมื่อวานนี้ ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ศ.นพ.ปิยะมิตร ศรีธรา คณบดีคณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี และศ.นพ.สุทธิพงศ์ วัชรสินธุ คณบดีคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เรียกร้องให้ประชาชนหันมาฉีดวัคซีนโควิด ทั้ง 3 สถาบันพบสัญญาณอันตรายเนื่องจากพบผู้ป่วยเฉลี่ยในอัตรา 1,000 คนต่อวัน และจำนวนผู้ป่วยหนักเพิ่มมากขึ้น

ขณะเดียวกัน แม้ยอดสะสมการฉีดวัคซีนจะมีเพียง 1,898,454 โดส แต่หากดูตัวเลขพบว่ายอดการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า มีอัตราเร่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ตัวเลขคลัสเตอร์คลองเตย 1 สัปดาห์ จำนวนการฉีดเกิน 13,500 คน หรือโดยเฉลี่ยวันละเกือบ 2,000 คน ทำให้ภาวะสะเก็ดไฟที่หลายฝ่ายคาดการการณ์ในช่วงแรกไม่ลามขยายวงออกไป นี่คือข่าวดีที่ต้องทำซ้ำและเน้นการทำงานไปยังเขตอื่นๆ รวมทั้งพื้นที่ต่างจังหวัด เป็นผลที่เกิดจากการปรับปรุงคณะทำงาน และความรวดเร็วจากการให้ภาคเอกชนเข้ามาสนับสนุน

เรายังเห็นว่า ตัวถ่วงที่ต้องขจัดออกไปคือการหาผลประโยชน์กับวัคซีน ไม่เพียงแต่ลดเครดิตทางการ ยังเป็นการซ้ำเติมผู้ติดเชื้อและญาติผู้เสียชีวิตในภาวะวิกฤติ ยกตัวอย่างในกรณีที่ผู้บริหารโรงพยาบาลเอกชนเปิดเผยความไม่ชอบมาพากลหน่วยงานของรัฐเกี่ยวกับนำเข้าวัคซีนทางเลือก ปรากฏว่าหน่วยงานที่ถูกพาดพิงออกมาปฏิเสธ ไม่มีการคิดค่าบริหารจัดการตามที่เป็นข่าว แต่สังคมอาจเลือกที่จะเชื่อเอกชนมากกว่า เพราะผลงานการบริหารจัดการวัคซีนในอดีต หรืออาจเกิดจากวิกฤตนักการเมือง ก็แล้วแต่ ประชาชนมีสิทธิ์คิด เป็นโจทย์ท้าทายผู้นำ สถานการณ์วิกฤตในชั่วโมงนี้ การฉีดวัคซีนซึ่งเป็นหน้าที่ทุกคน จะต้องไม่มี การเรียกรับเงินที่มิควรได้ แม้แต่บาทเดียว