ล็อกเป้าหมายหุ้น “โกลบอล  เพย์” ได้ประโยชน์เศรษฐโลกฟื้น

ล็อกเป้าหมายหุ้น “โกลบอล  เพย์” ได้ประโยชน์เศรษฐโลกฟื้น

ปัจจจัยบวกเศรษฐกิจภายในประเทศไทยยังไม่มีเข้ามา  เพราะคนไทยอยู่ในช่วงเวลารวมพลังต่อสู้กับระบาดโควิด-19 ระลอก3 จนต้องดัน  “วัคซีน” เป็นวาระแห่งชาติ  แต่ตลาดโลกกลับเต็มไปด้วยตัวเลขการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลักเช่น จีน และสหรัฐ

จนทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ภาคการส่งออกปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

จากการเร่งฉีดวัคซีนภายในประเทศจีนและสหรัฐที่ดำเนินการอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นผู้ผลิตวัคซีนเองไม่ต้องนำเข้า  จึงทำให้มาตรการคุมเข้มเพื่อลดระยะห่างเพื่อลดการแพร่เชื้อลดลงตามไปด้วย จนกลายเป็นภาพการออกมาใช้ชีวิตปกติของประชาชนทั้งเดินเที่ยว จัดอีเวน หรือแม้แต่คอนเสิร์ต

ทั้งสองประเทศล้วนแต่บริโภคสินค้าเป็นอันดับต้นๆของโลกอยู่แล้วจึงทำให้เห็นปรากฎการณ์ที่รัฐบาลสหรัฐออกมาพูดถึงการกลับมาของเงินเฟ้อหลังการใช้นโยบายลงทุนมหาศาลล้านล้านดอลลาร์   

หรือการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจของจีนล่าสุดเดือน เม.ย. การส่งออกพุ่งสูงถึง   6.3 % ดัชนี PPT ซึ่งสะท้อนราคาผู้ผลิตมาจากต้นทุนสินค้าก่อนเข้าโรงงาน เพิ่มขึ้น 6.8 % จากมี.ค. ขยายตัว 4.4 %   และดัชนี CPI  ราคาผู้ผลิตซึ่งสะท้อนเงินเฟ้อ ขยายตัว 0.9 % จากเดือนมี.ค. อยู่ที่ 0.4 %

ตัวเลขดังกล่าวล้วนมาจากภาคการผลิตและภาคการค้าขายระหว่างประเทศที่ฟื้นตัวจนมีความต้องการบริโภคมากขึ้น  จึงทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์เกือบทุกประเภทปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากต้นปี 2564จนถึงปัจจุบัน

3 อันดับแรกที่มีความเคลี่อนไหวเพิ่มขึ้นมากที่สุดยกให้ ดัชนี BADI หรือค่าระวางเรือที่ขึ้นมาทำราคา 3,183 ดอลลาร์.. เพิ่มขึ้นจากต้นปี 133.02 %  และยังเป็นราคาสูงสุดใหม่นับตั้งแต่ปี 2553 จากภาพอุตสาหกรรมมีดีมาร์ทการขนส่งฟื้นตัวมาจากประเทศจากจีนและสหรัฐ  

โดยเฉพาะการบรรทุกสินค้าสินค้าทางการเกษตร เหล็ก ปุ๋ย สินแร่ เนื้อแร่ ไม้ซุง ถ่านหิน สวนทางกับซัพพรายเรือยังคงตึงตัว  จึงหนุนค่าระวางเรือปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้เกิดการเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย หุ้นเดินเรือ  หุ้นขนส่งสินค้า  และตามมาด้วยหุ้นในกลุ่มเหล็ก

รองลงมาอันดับ 2  คือราคาน้ำมันทั้งในตลาดเบรนท์ (Brent) และตลาดเวสต์เท็กซัส (WTI) ที่เพิ่มขึ้น 32.92  % และ 34.79 % ตามลำดับ  มาจากการเร่งเปิดประเทศและทำให้ประชาชนกลับมาเดินทางได้อีกครั้ง จนทำให้ปริมาณการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จนทำให้มีการปรับประมาณการณ์ราคาน้ำมันในปีนี้เพิ่มขึ้น

อาทิ โกลด์แมน แซคส์  BRENT จะแตะระดับ 80 ดอลลาร์/บาร์เรล และ WTI จะแตะ ระดับ 77 ดอลลาร์/บาร์เรลในช่วง 6 เดือน  แน่นอนว่าทิศทางราคาน้ำมันขาขึ้นย่อมดีกับหุ้นกลุ่มปิโตรเคมี  ขุดเจาะน้ำมัน  และกลุ่มแพ๊กเกจกิ้งที่เป็นปิโตรเคมีขั้นปลายล้วนได้ประโยชน์

และสินค้าอันดับ 3 กลายเป็นสินค้าเกษตรอย่างน้ำตาลและถั่วเหลือง ที่เพิ่มขึ้น  23.26 % และ 22.52 % ตามลำดับ  ซึ่งราคาทำสถิติสูงสุดรับอานิสงส์คาดการณ์พื้นที่เพาะปลูกในสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด   รวมถึงสต๊อกที่ยังอยู่ในระดับต่ำแต่ผู้ส่งออกอย่างบราซิลกลับเจอผลกระทบจากช่วงฝนตกเก็บเกี่ยวล่าช้าทำให้อุปทานลดลงสวนทางความต้องการนำเข้าถั่วเหลืองจากจีนยังคงเพิ่มขึ้น    ซึ่งหุ้นในกลุ่มนี้หนีไม่พ้นหุ้นสินค้าเกษตรทั้งถั่วเหลือง น้ำมันปาล์ม และน้ำตาล

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเชีย พลัส แนะนำกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก (Community + ส่งออก) เป็นน้ำหนักส่วนใหญ่ในพอร์ตการลงทุน เพื่อหวังเอาชนะตลาดหุ้น  โดนมีหุ้นที่ได้แรงหนุนจาก  Community โลกฟื้นตัวต่อเนื่อง แนะนํา PTTGC, PTTEP, SCC, SCCC, NER, TVO  หุ้นส่งออกสะท้อนได้จากมุมมองการส่งออกที่ดูดีขึ้น แนะนํา TU, MCS, SAT

กลุ่มเกษตร  -อาหาร ให้น้ำหนักเท่าตลาด จากแนวโนมผลผลิตจะออกสู่ ตลาดเพิ่มขึ้น อาทิอ้อย ยางพาราและปาล์ม ส่งผลบวกต่อผู้ประกอบการกลางน้ำ อาทิผู้ประกอบการน้ำตาล (KSL KTIS KBS และ BRR) ผู้ประกอบการ ยางพารา (STA และ NER) และผู้ประกอบการน้ำมันปาล์มดิบ (UVAN UPOIC และ VPO) ที่จะมีต้นทนในการผลิตต่อหน่วยลดลง (Economy of scale)