นายกฯชวนปชช.ฉีดวัคซีนให้มากที่สุด ยันมีประสิทธิภาพ กันเสียชีวิตเกือบ100%

นายกฯชวนปชช.ฉีดวัคซีนให้มากที่สุด ยันมีประสิทธิภาพ กันเสียชีวิตเกือบ100%

"นายกฯ" เผย จัดหาวัคซีนให้คนไทยทุกคนได้แน่นอน ชง "ครม." เป็นวาระแห่งชาติ ต้องดำเนินการครบวงจร หวัง เร่งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ชวน ปชช. เข้ารับให้มากที่สุด ยัน ทุกชนิดมีประสิทธิภาพ ผู้นำประเทศทั่วโลกใช้ กันตายได้เกือบ 100% ผลข้างเคียงน้อย

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล..ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เราเดินหน้าต่อไปได้จากสถานการณ์โควิด คือวัคซีน ที่ผ่านมาเราได้เร่งระดมฉีดวัคซีน ให้กับบุคลากรทางการแพทย์และผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยง รวมทั้งพื้นที่เศรษฐกิจ รวมเกือบ 2 ล้านโดสแล้ว โดยระดมฉีดวันละหลายหมื่นโดส และจากมาตรการจัดหาวัคซีนฉุกเฉินของรัฐบาล เราจึงได้วัคซีนมาเพิ่ม ในเดือนนี้ อีก 3.5 ล้านโดส และจะได้ความร่วมมือจากภาคเอกชนในการเพิ่มศักยภาพในการฉีดได้อีกมาก ตนขอย้ำว่า รัฐสามารถจัดหาวัคซีนให้กับประชากรในประเทศได้ทุกคนอย่างแน่นอนและจะไม่หยุด ในการจัดหาและสำรองใช้เพื่อความปลอดภัยของคนไทยทุกคน ซึ่งประเทศไทยจะเป็นประเทศเดียว ในอาเซียนที่เป็นศูนย์กลางในการผลิตวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทแอสตราเซเนกาซึ่งผลิตโดยบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ที่ได้มาตรฐานสูง ผ่านการรับรองคุณภาพจากทั่วโลก และจะสร้างความมั่นคงยั่งยืน ในการต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 นี้ในระยะยาว และสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจและการแข่งขันให้กับ ประเทศชาติในอนาคตอีกด้วย

นายกฯ กล่าวว่า ในการประชุมครม.วันนี้ ตนได้เสนอให้การฉีดวัคซีนเป็น วาระแห่งชาติที่จะต้องดำเนินการอย่างครบวงจร ทั้งการจัดหา การกระจาย ไปจนถึงการฉีดด้วย เพื่อเร่งสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้กับประเทศไทยของเรา แต่สิ่งที่ตนกล่าวมาแล้วนั้น จะเป็นจริงไปไม่ได้เลย หากพี่น้องประชาชนในประเทศไทย ไม่มาเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ผมจึงอยากขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนทุกคน มาเข้ารับการฉีดวัคซีนกันให้มากที่สุด ประเทศไทยจึงจะไปต่อได้ ตนขอยืนยันว่า วัคซีนที่รัฐบาลนำเข้าทุกชนิด มีประสิทธิภาพได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข และใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก มีคนฉีดไปแล้วหลายสิบล้านคน รวมทั้งผู้นำประเทศทั่วโลก โดยผู้เชี่ยวชาญทั่วโลกต่างยืนยันว่าวัคซีนโควิดทุกชนิด สามารถป้องกันการป่วยรุนแรงหากติดเชื้อ และป้องกันการเสียชีวิตได้เกือบ 100%

นายกฯ กล่าวว่า ส่วนโอกาสในการเกิดผลข้างเคียงนั้น มีน้อยมากๆ หากเปรียบเทียบกันแล้วโอกาสในการติดโควิด และเสียชีวิตจากโควิดนั้นมีสูงกว่า การฉีดแล้วเกิดผลข้างเคียงหลายพันเท่า และในการฉีดแต่ละครั้ง จะมีแพทย์ผู้ทำการประเมิน ความเหมาะสม และคอยเฝ้าดูอาการหลังฉีดอีกด้วย ซึ่งตนเอง รวมทั้งคณะรัฐมนตรี ..ฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้านต่างก็ฉีดวัคซีนโควิดกันไปแล้วโดยไม่มีผลข้างเคียงใดๆ

นายกฯ กล่าวว่า ล่าสุด จากการเปิดลงทะเบียนยืนยันและนัดหมายการฉีดวัคซีน ผ่านระบบหมอพร้อมและช่องทางต่างๆ สำหรับกลุ่มผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง มีผู้ลงทะเบียนแล้ว กว่า 1.6 ล้านคน สูงสุด คือ กทม. กว่า 5 แสนคน ตามมาด้วยลาปาง ซึ่งมียอดมากกว่า 2 แสนคน ซึ่งหากนับตามสัดส่วนประชากร ก็ต้องถือว่าลำปางมีสัดส่วนสูงที่สุดในประเทศ นับว่ามีความตื่นตัวในพื้นที่อย่างดีเยี่ยม ด้วยการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องของบุคลากรทางการแพทย์ อาสาสมัคร และทุกท่านที่เกี่ยวข้อง ต้องขอชื่นชมจังหวัดลำปาง และขอเป็นกาลังใจ ให้ทุกๆ จังหวัด มีจำนวนผู้มาขอรับการฉีดวัคซีนให้มากที่สุด